เธอคือชีวิต ตอนที่ 4

แขไขเมื่อเห็นว่ารุจมาร่วมงานนี้ด้วยก็พยายามเดินเลี่ยง แต่รุจก็ตามมาคุยด้วย เพราะอยากรู้ว่า จิรัชย์ดูแลแขไขดีหรือเปล่าและอยากให้แขไขรับรู้ว่า เขายังคิดถึงเธออยู่เสมอ แต่แขไขกลัวคนครหาจึงรีบตัดบทว่า คงไม่เหมาะที่จะคุยกันแล้วเดินหนีเพื่อซ่อนน้ำตา เพราะเธอก็ยังตัดใจจากรุจไม่ได้เช่นกัน รุจจึงได้แต่มองตามอย่างเศร้าๆ
และหลังจากที่ได้พบรุจในวันนั้น แขไขก็มีท่าทีที่แปลกไป จิรัชย์เห็นแขไขนั่งซึมไม่ยอมทานอาหาร ก็เป็นห่วงจึงพยายามคะยั้นคะยอให้เธอทานผลไม้เพราะเป็นห่วงสุขภาพ แต่แขไขก็ไม่ใยดี พัดชาสงสารจิรัชย์จึงตำหนิพี่สาว
"พี่แขทานเถอะค่ะ เดี๋ยวเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา จะลำบากพี่ใหญ่อีก"
แขไขได้ฟังก็โกรธลุกเดินหนีไปทันที จิรัชย์ตกใจรีบตามไปง้อ แต่ก็ไม่ทำให้แขไขรู้สึกดีขึ้น จิรัชย์ชักไม่พอใจจึงตัดพ้อแขไข
"แขคงเบื่อที่พี่เอาแต่บังคับ แต่น่าจะเข้าใจบ้างว่าทุกอย่างที่พี่เคี่ยวเข็ญก็เพราะหวังดีกับแขทั้งนั้น"
"ความหวังดีบางครั้งก็ต้องมีขอบเขต ไม่งั้นมันก็จะกลายเป็นความน่ารำคาญอย่างนี้แหละค่ะ"
แขไขเดินหนีออกไปที่บ้านท้ายสวน จิรัชย์มองตามอย่างโมโห เพราะไม่เข้าใจว่าแขไขไปทำอะไรมาถึงอารมณ์ไม่ดี เขาเดินมาปรับทุกข์กับพัดชาว่า แขไขเป็นอะไรทำไมตั้งแต่กลับมาจากบ้านงานก็อารมณ์ไม่ดี พัดชาหลุดปากว่า คงทะเลาะกับรุจมา
จิรัชย์หันขวับมาจ้องหน้าพัดชา พัดชารีบปิดปากตัวเองรู้สึกผิด เพราะถึงเธอจะรักจิรัชย์ แต่ไม่คิดแย่งและไม่มีเจตนาจะยุแยงให้จิรัชย์กับแขไขเลิกกัน
จิรัชย์เมื่อรู้ว่าแขไขไปพบกับรุจก็โกรธ เพราะเข้าใจว่าทั้งคู่แอบนัดแนะกัน เขาจึงตามมาต่อว่าแขไขที่เรือนท้ายสวน แขไขชี้แจงว่าเป็นเรื่องบังเอิญ แต่จิรัชย์ก็ไม่รับฟัง แถมยั้งพลั้งมือตบหน้าแขไขและทำลายรูปของรุจที่แขไขวาดอีกด้วย เพราะโกรธที่แขไขขู่ว่า จะหนีไปกับรุจ
แขไขล้มลงไปกับพื้น เธอหันมามองจิรัชย์อย่างผิดหวังแล้วลุกเดินหนีไปทันที จิรัชย์มองตามรู้ตัวว่าทำรุนแรงไป
หลายวันต่อมาแขไขแวะเอายาบำรุงไปให้กำนัน เพราะได้ข่าวว่า ภรรยาของกำนันป่วยและได้พบกับรุจที่บังเอิญแวะมาเยี่ยมภรรยากำนันเช่นกัน รุจรีบตามออกมาคุยกับแขไข และได้เห็นรอยแดงบนโหนกแก้มของเธอ เขาเข้าใจได้ทันที่ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงรีบบึ่งไปชกหน้าจิรัชย์ถึงที่โรงพยาบาลพร้อมชี้หน้าประกาศว่า
"จำไว้ให้ดีนะ ถ้าแกทำให้แขเจ็บอีกแค่ครั้งเดียว ฉันจะถือว่าแกดูแลเขาได้ไม่ดีพอ ฉันจะเอาแขคืน"
รุจผลุนผลันออกไป จิรัชย์มองตามอย่างแค้นๆ แล้วกลับมาปรับทุกข์กับพัดชา
"พี่จะไปฆ่ามันถ้าไอ้รุจมันยังอยู่อย่างนี้ แขก็ตัดใจจากมันไม่ได้ซักที แถมยังเหมือนจะกลับไปใกล้ชิดกับมันมากกว่าเดิมอีก พี่ทนไม่ได้" จิรัชย์อาฆาต
พัดชาที่ช่วยทำแผลให้รีบเตือนสติ "การฆ่าไม่ใช่ทางออกนะคะ ถ้าพี่แขยังรักพี่รุจอยู่ ต่อให้เขาตายไป หัวใจพี่แขก็ยังเป็นของพี่รุจ"
จิรัชย์อึ้งไปเริ่มคิดได้ พัดชาจับมือจิรัชย์ขึ้นมาแล้วพูดต่อว่า
"มือของพี่ใหญ่มีไว้ช่วยชีวิตคน ไม่ใช่พรากชีวิต.อย่าให้มันต้องแปดเปื้อนเพราะอารมณ์โกรธชั่ววูบเลยนะคะ"
จิรัชย์นิ่งคิดแววตาแค้นรุจสุดชีวิต และในวันต่อมา ก็มีคนพบศพรุจถูกแทงตายลอยอยู่หน้าศาลาริมน้ำ และในมือถือกำของบางอย่างไว้ รุจาโผเข้ากอดศพพี่ชาย
และเมื่อได้เห็นของในมือรุจเธอก็ปักใจเชื่อว่าแขไขเป็นคนฆ่ารุจ เช่นเดียวกับพวกชาวบ้านที่พากันกล่าวหาว่า แขไขเป็นคนฆ่ารุจเพราะกลัวรุจจะไปบอกจิรัชย์เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาแล้วจะโดนจิรัชย์ขอหย่า
แขไขตกเป็นจำเลยสังคมและถูกประณามต่างๆนานา แม้ทางตำรวจจะออกมายืนยันว่า แขไขไม่ใช่ฆาตกร แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ
"รุจ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ใครฆ่าเธอ ใครใส่ร้ายฉัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น พวกเขาทำแบบนี้กับเราได้ยังไง เขาทำแบบนี้ทำไม ฮือ"
แขไขนั่งร้องไห้ท่ามกลางสายฝน และเป็นเหตุให้เธอล้มป่วย พัชารีบไปตามจิรัชย์มาดูแล และทั้งคู่ก็ได้ยินแขไขเพ้อว่า
"ใครฆ่าเธอ ใครใส่ร้ายฉัน ใคร ใครกัน ไม่ ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้ทำจริงๆ"
การช็อตไฟของแขไขและอรอินทุ์กำลังจะเสร็จสิ้น แขไขส่งข้อความเป็นภาพอดีตให้อรอินทุ์เรียบร้อยแล้ว โตมรเห็นอาการแปลกๆ ของแขไขก็เข้าไปดูใกล้ และได้ยินอรอินทุ์พึมพำว่า
"ไม่ไม่ ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้ฆ่าเขา.ไม่ได้ฆ่า"
อรอินทุ์พูดได้แค่นั้น ร่างของเธอก็กระตุก แขไขหยุดปล่อยพลังพร้อมกับอรอินทุ์ค่อยๆ ร่วงไป โตมรรีบเข้าประคอง
"ตายจริง น้องเขาเป็นอะไรคะ" เพ็ญเข้ามาเห็นพอดี
โตมรจำต้องโกหกว่าอรอินท์ เป็นลมแล้วรีบประคองออกไป เพ็ญมองตาม
โตมรพาอรอินทุ์มาที่รถแล้วรีบพาเธอกลับไปพักบ้านทันที และเมื่ออรอินทุ์รู้สึกตัว เธอก็บอกกับโตมรว่า เธอเห็นภาพรุจถูกฆ่าตายและแขไขถูกใส่ร้ายว่าเป็นฆาตกร
"ตัวเล็กเห็นภาพอีกแล้วหรือ ย่าแขส่งภาพอดีตให้ตัวเล็กเห็นอีกแล้วหรือนี่" โตมรย้ำ
อรอินทุ์พยักหน้าตอบว่า "รุจไม่ได้ตายปรกติ รุจถูกฆ่าเพราะอะไรก็ไม่รู้ ทุกคนเข้าใจว่าย่าแขเป็นคนฆ่าแต่ย่าแขไม่ได้ทำ"
"รุจถูกฆาตกรรมงั้นหรือ" โตมรซักต่อ
อรอินทุ์นิ่งทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอ แล้วบอกกับโตมรว่า
"เราสองคนเข้าใจผิด คิดว่ารุจมีชีวิตอยู่ และย่าแขต้องการพบรุจ แต่ความจริงย่าแขไม่ได้อยากพบรุจ ย่าแขให้เล็กมาช่วยโตแก้ไขอดีตให้ท่าน เพราะท่านไม่ได้ฆ่ารุจ ท่านต้องการให้เราหาฆาตกรที่แท้จริง ท่านอยากให้เราจับฆาตกรที่แท้จริงเข้าคุก ช่วยท่านให้พ้นมลทิน เข้าใจไหมโต ตราบใดที่ฆาตกรยังลอยนวล ท่านยังตายไม่ได้ ต้องเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่อย่างนี้"
อรอินทุ์สรุปเรื่องทั้งหมดอย่างช้าๆ และชัดๆ แล้วลมก็พัดเข้ามาทางหน้าต่างพร้อมกับเสียงหัวเราะของแสง
"ฮะฮะฮ่า ตามหาฆาตกรที่แท้จริง ฮึฮึ" แสงหัวเราะอย่างมีเลศนัย
โตมรไม่เห็นแสงแต่นึกสงสัยจึงกระซิบถามอรอินทุ์ว่า แสงอยู่แถวนี้ใช่ไหม
"คนอย่างไอ้รุจสมควรตายแล้ว สมควรแล้ว ฮึๆๆ แขไขทำให้ยมทูตอย่างเธอกลายเป็นคนขึ้นมาเพื่อทำเรื่องไร้สาระแท้ๆ เธอกับโตมรไม่มีวันพบฆาตกร ไม่มีวัน" แสงประกาศ
อรอินทุ์มองไปรอบๆตัวแล้วตะโกนว่า "คุณแสง เล็กมีเรื่องจะคุยกับคุณ คุณรู้ใช่ไหมว่าฆาตกรเป็นใคร คุณรู้ใช่ไหม คุณแสง ทำให้เล็กได้พบคุณสิ ทำสิ"
สิ้นเสียง แสงก็ยื่นมือออกไปทำท่าคล้ายกับตบหน้าอรอินทุ์ แล้วอรอินท์ก็หมดสติไปและได้พบกับแสง
อรอินท์กล่าวหาว่าแสงเป็นคนฆ่ารุจแต่แสงปฏิเสธ และทำร้ายอรอินทุ์ที่บังอาจพูดแทงใจดำเรื่องรุจกับแขไข แต่อรอินทุ์ไม่กลัวเธอยังคงยืนกรานว่าแสงคือฆาตกร เพราะเธอได้เห็นเหตุการณ์ตอนที่แสงพูดกับพัดชาว่า อยากฆ่ารุจเพราะรุจไปขู่ว่าจะเอาแขไขไป
แสงอึ้งที่อรอินท์รู้เรื่องแล้วรีบกลบเกลื่อนว่า เขาไม่มีวันให้มือของตัวเองไปเปื้อนเลือดสกปรกของรุจแน่ แล้วคว้าคออรอินทุ์แน่นพร้อมขู่ต่อ
"แต่ถ้าเธออยากจะสืบต่อก็ตามใจ ฉันเตือนแล้วนะว่าเธอกับไอ้หนุ่มนั่นจะเดือดร้อน จำเอาไว้นะ เรื่องของไอ้รุจ ถ้าเธอและโตมรเข้ามายุ่งเกี่ยว เธอกับมันต้องเจ็บปวดด้วยมือของฉัน เลิกยุ่งกับเรื่องนี้ซะ ได้ยินไหม"
อรอินทุ์ดิ้นรนหายใจไม่ออก เธอเอามือปัดป่ายข่วนหน้าแสง แล้วก็รู้สึกตัวและพบว่าคนที่เธอข่วนหน้าคือโตมร
"อุ๊ย โต ขอโทษนะขอโทษ" อรอินท์เข้ามาดูแผล
โตมรมองอรอินทุ์ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยเป็นห่วงเพราะคิดว่าเธอจะตายเสียแล้ว อรอินทุ์บอกโตมรว่า เธอไม่เป็นไรแล้วอาสาช่วยทำแผลให้โตมรเพราะเคยแอบดูพยาบาลทำแผลให้คนตาย ตอนไปรับวิญญาณที่โรงพยาบาล
โตมรเขยิบเข้ามาใกล้ๆ อรอินทุ์เพื่อให้เธอทำแผลมา แต่พอได้ใกล้ชิดกัน โตมรก็รู้สึกหวิวๆในใจจึงรีบถอยออกมาแล้วขอทำแผลเอง เพราะกลัวห้ามใจตัวเองไม่ได้ แล้วสั่งให้อรอินทุ์เล่าเรื่องที่ไปพบแสงให้ฟัง เพราะอยากรู้ว่าแสงใช่ฆาตรกรหรือเปล่า แต่พอได้ยินอรอินทุ์ตอบว่า แสงปฏิเสธ ก็รีบพูดต่อ
"ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือไม่ เราต้องทำตามความต้องการของย่าแข เราต้องตามหาฆาตกรมาให้ได้ ย่าแขจะได้หายป่วย" อรอินทุ์พยักหน้าเห็นด้วย
โตมรเข้าครัวทำโจ๊กให้อรอินทุ์ เพราะเห็นว่าเธอยังอ่อนแออยู่คงขึ้นไปทานข้าวบนตึกไม่ไหว อรอินทุ์ตามเข้ามาแหย่โตมรและชวนให้เขาอยู่ทานโจ๊กกับเธอ
และในระหว่างที่ทั้งคู่เหย้าแหย่กันอยู่นั้นปัณรสีก็ตามมาหาเรื่องและใช้ให้โตมรออกไปรดน้ำต้นไม้ในสวน
โตมรรีบเดินออกไปเพราะไม่อยากได้ยินปัณรสีพูดไม่ดีใส่อรอินทุ์ อรอินทุ์รีบลุกตามโตมรไปด้วย แล้ววิ่งไล่กวดผีเสื้ออย่างมีความสุข โตมรเปรยกับอรอินท์ว่า สักวันหนึ่ง เธออาจจะเบื่อโลกใบนี้ก็ได้ อรอินทุ์สูดอากาศเข้าปอดแล้วตอบว่า
"ถ้าวันหนึ่งเล็กเบื่อดอกไม้ เล็กก็จะหันไปฟังนกร้องเพลง หรือไม่ก็หันมาดูแมลงสวยๆ ที่มันมาเกาะตามดอกไม้ เห็นไหม โลกนี้มีความสวยงามมากมายให้เราชื่นชมนะโต ถ้ารู้จักเลือกมองมัน เราก็จะมีความสุขได้ทุกวัน"
อรอินทุ์ปล่อยแมลงเต่าทองลงบนกลีบดอกไม้ แล้วมองมันเดินต่อไปอย่างเอ็นดู โตมรมองอรอินทุ์อย่างทึ่งๆ แล้วเก็บเอาทัศนคติมองโลกในแง่ดีของเธอมาลองคิดดู
พัดชาเห็นโตมรกับอรอินทุ์กำลังช่วยกันทำงานอนยู่ในสวน ก็สั่งให้กัญญาออกไปตามทั้งคู่มาพบ อรอินทุ์กับโตมรค่อยๆ คลานเข้ามาหาพัดชาที่นั่งอยู่ที่โซฟาอย่างเกรงๆ
พัดชายื่นรูปถ่ายปึกหนาๆ ให้โตมรกับอรอินทุ์ดุ เห็นเป็นรูปคู่จิรัชย์กับแขไข หลังแต่งงานกันแล้ว แล้วเธอก็สั่งให้ทั้งคู่ช่วยกันจัดรูปใส่อัลบั้มให้ที
อรอินทุ์มองภาพอย่างสนใจแล้วบอกว่า มีรูปบ้านของโตมรด้วย โตมรรีบออกตัวว่าไม่ใช่บ้านของเขา พัดชาหัวเราะแล้วเอ่ยว่า
"เรือนเจ้าเงาะน่ะเหรอ พี่ใหญ่เธอสร้างไว้เป็นสตูดิโอวาดรูปให้พี่แข พี่ใหญ่ตามใจพี่แขทุกอย่าง พี่แขแพ้ความดีของพี่ใหญ่ ทั้งสองเป็นคู่รักที่รักกันมาก"
พัดชาเล่าไปเรื่อยๆ ด้วยน้ำเสียงชื่นชมเอ็นดูคนทั้งคู่ เพราะอยากทำให้อรอินท์กับโตมรเห็นความรักของแขไขกับจิรัชย์ อรอินทุ์พอจะเดาใจพัดชาออกจึงถามพัดชาว่า
"ย่าพัดเอารูปให้เราดู ให้รู้ว่าหมอใหญ่กับย่าแขรักกันมาก คนอื่นไม่สำคัญ เพื่อให้เราเลิกสนใจเรื่องของรุจใช่ไหมคะ"
พัดชาอึ้งไปนิดแล้วถามกลับ "เธอไปตามหารุจ พบไหม เธอสองคนรู้เรื่องของรุจแค่ไหนล่ะ"
"รู้เยอะแยะค่ะ รู้ว่า" โตมรรีบจับมืออรอินทุ์ไม่ให้ตอบ อรอินทุ์เลยหยุดพูด
"อย่างที่เคยเรียนย่าพัด เรื่องของรุจเป็นเรื่องไร้สาระ เราเลิกยุ่งเรื่องของรุจแล้วจริงๆ ครับ"
โตมรโกหกเพื่อความปลอดภัย พัดชาจึงอ้างว่า ที่เขาโกหกอรอินทุ์กับโตมรเรื่องรุจก็เพราะรุจคือเรื่องเสื่อมเสียของตระกูล และทุกคนก็ไม่ควรรื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมาอีก
"ไม่ว่าเธอจะรู้อะไรมา เธอควรเลิกยุ่งเรื่องของรุจ" พัดชาพูดจริงจัง
อรอินทุ์กับโตมรก้มหน้านิ่งไม่กล้าไม่กล้าพูดอะไรอีก

อรอินท์กับโตมรเดินคุยกันมาตามทางเดินในสวน เพราะกำลังคิดว่าที่พัดชาปกปิดเรื่องราวของรุจก็เพราะต้องการรักษาชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล
"จากภาพอดีตที่เล็กเห็น ย่าพัดไม่ชอบที่ย่าแขรักรุจ แต่ไม่รักหมอใหญ่ พอเกิดเรื่องกลายเป็นผู้ต้องหา คนอย่างย่าพัดยิ่งไม่พอใจ ที่ย่าแขไปยุ่งกับรุจจนทำให้วงศ์ตระกูลเสียหายครั้งแล้วครั้งเล่า" อรอินทุ์เล่า
โตมรพยักหน้าเห็นว่าเหตุผลของอรอินทุ์น่าเชื่อถือแล้วทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงกรี๊ดดังมาจากในสวน จึงรีบวิ่งไปดูก็พบว่า ปัณรสีกำลังโดนหมาของโตมรเล่นงาน เพราะปัณรสีเข้าใจผิดคิดว่าโตมรกับอรอินท์เข้าไปจู่จี๋กันในพุ่มไม้จึงมุดเข้าไปดู
ปัณรสีฟ้องจิรายุว่าโตมรกับอรอินท์รวมหัวกันแกล้งเธอ แต่จิรายุไม่ฟังเพราะเห็นอยู่ว่า ปัณรสีเดินเข้าไปให้หมากระโจนใส่เอง ปัณรสีทำท่าไม่พอใจ
โตมรเห็นท่าไม่ดีรีบเข้าไปจัดการกับหมาแล้วหันมายกมือขอโทษปัณรสี ปัณรสีสะบัดหน้าไม่รับไหว้ พัดชาจึงตัดบท
"เอาล่ะๆ ก็เห็นอยู่ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ แม่ปัณขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ ส่วนโตกับเล็กก็เอาหมาไปอาบน้ำซะ เดี๋ยวจะเลอะเทอะไปกันใหญ่"
โตมรกับอรอินท์รับคำ จิรายุและปัณรสีเดินตามกันออกไป เอื้อเฟื้อเดินรั้งท้ายหันมาชมหมาว่าเยี่ยมมาก อรอินท์อมยิ้มแล้วล้อโตที่พยายามทำหน้าดุเพื่อกลบเกลื่อน
"โตเองก็อยากยิ้มใช่ไหมล่ะ ไม่ต้องทำเก๊กหรอกน่า"
โตมรเห็นสายตากวนๆ ของอรอินทุ์ ก็เก๊กหน้าไม่อยู่ หลุดยิ้มออกมาเพราะจริงๆ ก็สะใจที่ปัณรสีโดนหมาแกล้งเหมือนกัน
โตมรบอกกับอรอินท์ก่อนเข้านอนว่า เขาจะต้องตามหาฆาตกรที่ฆ่ารุจให้ได้ เพื่อแขไขจะได้พ้นมลทิน อรอินทุ์เหลือบเห็นแววตาและสีหน้าที่มุ่งมั่นของโตมร ก็รู้สึกแปลกใจที่โตมรแคร์แขไขเหลือเกิน เธอจึงถามเขาว่า ความรักของเขาที่มีให้แขไขมากเท่ากับที่คุณใหญ่รักแขไขหรือเปล่า
โตมรส่ายหน้าบอกว่า มันเทียบกันไม่ได้ เพราะเขารักแขไขเพราะอยากจะรัก ไม่ได้คิดแข่งกับใคร อรอินทุ์ได้ฟังก็แอบกังวลจึงถามต่อว่า
"แล้วเล็กล่ะ โตรักเล็กเท่าย่าแขไหม"
โตมรสะดุ้ง หันขวับมามองอรอินท์เพราะทั้งเขินทั้งงงๆ แต่อรอินท์ก็ยังย้ำคำถามเดิมว่า โตมรรักเธอเหมือนกับที่รักแขไขไหม
"มันจะไปเหมือนกันได้ยังไง เรากับย่าแขยังไงก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว" โตมรตอบ
อรอินทุ์ตาโตรีบสรุปว่า "แสดงว่าโตกับเล็กเป็นไปได้ล่ะสิ โตคิดอย่างนี้เหรอ" โตมรตกใจรีบบ่ายเบี่ยงแล้วทำเป็นโมโหไล่อรอินท์กลับไปนอน

วันต่อมา โตมรพาอรอินทุ์ไปค้นข้อมูลเรื่องการตายรุจจากหนังสือพิมพ์ในห้องสมุดประชาชน และเมื่อรู้ว่ารุจโดนแทงที่ข้างหลัง โตมรก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หลังขึ้นมาทันที
แต่ทั้งคู่ยังไม่ทันได้รู้ว่าใครเป็นฆาตรเพราะตำรวจได้แต่สันนิษฐานว่า รุจถูกปล้นเพราะหวังทรัพย์สิน ก็โดนแสงขัดขวางและตามเล่นงานจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เพราะแสงต้องการขู่ให้อรอินทุ์กับโตมรเลิกตามหาความจริงเรื่องรุจ
อรอินท์ออกมาวิ่งเล่นกับหมาของโตมรที่หน้าสนาม เพราะโตมรออกไปเรียน แล้วหมาตัวหนึ่งก็วิ่งหายไป อรอินท์กลัวว่ามันจะเข้าไปวิ่งเล่นในบ้านใหญ่จึงตามไปดู และเธอก็แอบเห็นพัดชากำลังคุยอยู่กับรูปของจิรัชย์
"ในที่สุด พี่ใหญ่ก็เปิดใจยอมรับพัดแล้ว ถึงได้มาหา มาอยู่ใกล้ ๆ พัด พัดรอคอยเวลานี้มานานเหลือเกิน เวลาที่พี่ใหญ่เริ่มเห็นพัดอยู่ใน"
พัดชากอดรูปหมอจิรัชย์ ฝันหวานมีความสุข อรอินทุ์อุทานเบาๆ อย่างตกใจและเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง และอีกมุมหนึ่งจิรายุกับปัณรสีก็เดินเข้ามา
จิรายุไม่พอใจที่เห็นพัดชากอดรูปหมอจิรัชย์จึงเข้ามาถามว่าทำอะไร พัดชาตกใจอ้างว่า เอารูปมาเช็ด แต่จิรายุไม่เชื่อเขาจึงว่าประชดพัดชา เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าอะไรเป็นอะไรจึงเดินหนี
ส่วนปัณรสีก็เริ่มได้เค้าว่า พัดชาแอบรักหมอจิรัชย์สามีของพี่สาวตัวเองแล้วเดินตามสามีไป พัดชารีบหันมาคุยกับรูปหมอจิรัชย์พร้อมแก้ตัวแทนจิรายุว่า
"พี่ใหญ่อย่าเพิ่งโกรธนะคะ สักวันจิรายุจะต้องเข้าใจ"
ส่วนอรอินทุ์ที่แอบดูอยู่ก็ยิ่งสงสัยในท่าทีของพัดชาที่มีต่อคุณใหญ่มากขึ้น
พัดชาเรียกให้กัญญามาช่วยเก็บรูปหมอจิรัชย์ไว้ที่เดิม ปัณรสีรีบเสนอหน้าเข้ามาช่วยเพราะหวังจะได้ข้อมูลเพิ่ม อรอินทุ์รอจัวหวะทำเนียนเดินเข้ามาชวนคุยเรื่องหมอจิรัชย์ แล้วพูดเป็นนัยๆ ทำนองว่า เธอรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพัดชากับหมอจิรัชย์ดี เพราะหวังสังเกตท่าทีของพัดชา
พัดชาถึงกับหน้าซีดด้วยความตกใจ เพราะเดาไม่ถูกว่าอรอินทุ์จะรู้เรื่องอะไรบ้าง แต่อรอินท์ก็ยังไม่หยุด เธอพูดแทงใจดำพัดชาต่อว่า
"ดูย่าพัดผูกพันกับคุณใหญ่มาก มากเสียจนเล็กรู้สึกว่าย่าแขเป็นเพียงคนนอกของบ้านนี้เท่านั้น"
"นี่เธอๆ" พัดชาตกแล้วอาการโรคหัวใจก็กำเริบขึ้นมา ปัณรสีรีบเข้าไปประคองแล้วโวยลั่น
"ตายแล้ว คุณแม่ นี่ นังเด็กบ้า แกหาว่า ย่าพัดแอบรักสามีพี่สาวตัวเองงั้นหรือ"
ปัณรสีพูดต่อให้เยอะเกินเหตุ จนอรอินทุ์ยังงง จึงรีบปฏิเสธแต่ปัณสรีเบรคไม่อยู่เสียแล้วเธอพูดต่อว่า
"บัดสี เห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องสนุก เมาท์สนุกไปเลยล่ะสิ ย่าพัดเป็นกุลสตรี ท่านจะทำแบบนั้นได้ยังไง คนที่คิดแบบนี้ได้ มีแต่คนจิตใจต่ำๆ เท่านั้นล่ะ" ปัณรสีด่าเพลินจนลืมตัว
โตมรกลับมาจากเรียนไม่เห็นอรอินท์ ก็นึกเป็นห่วงจึงขึ้นไปดูบนเรือนใหญ่ และทันได้เห็นปัณรสีเงื้อมือจะตบหน้าอรอินทุ์เพื่อเป็นการสั่งสอนแทนพัดชา เขาจึงเข้าไปขวาง
"คุณไม่มีสิทธิ์ทำร้ายตัวเล็ก" โตมรเสียงดังใส่
"พวกแกก็ไม่มีสิทธิ์จะอยู่ที่นี่เหมือนกัน หนอย ไอ้เด็กอกตัญญู อยู่บ้านเขาแล้วยังคิดต่ำๆ กับเจ้าของบ้าน"
ปัณรสีใส่อีกชุดแล้วหันไปขออนุญาตพัดชาที่เอาแต่นั่งนิ่งจัดการกับโตมรและอรอินทุ์ด้วยการไล่ออกจากบ้าน กัญญาเห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งไปตามเอื้อเฟื้อกับจิรายุมาช่วย
อรอินท์รีบก้มลงกราบขอโทษพัดชา เพราะไม่อยากให้โตมรเดือดร้อน แต่พัดชาแกล้งยกยาดมขึ้นมาดม แล้วเลื่อนสายตามองไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ อรอินทุ์ใจหายวาบ รู้ว่าพัดชาตั้งใจทำแบบนี้
เอื้อเฟื้อเข้ามาช่วยเจรจาและอ้างว่า อรอินทุ์ชอบถามอะไรเหมือนเด็กๆ อยู่แล้ว ปัณรสีไม่น่าจะถือสา แต่ปัณรสีไม่ยอม เอื้อเฟื้อจึงใช้ไม้ตายขู่ว่า คนที่จะไล่โตมรออกจากบ้านได้มีเพียงแขไขคนเดียวเท่านั้น แล้วหันไปขอความเห็นจากพัดชา แต่ถูกปฏิเสธ
จิรายุหันไปมองหน้าแม่ เพราะเห็นด้วยกับเอื้อเฟื้อ อรอินทุ์เห็นว่าเรื่องราวชักไปกันใหญ่จึงแกล้งทำเป็นโดนวิญญาณของแขไขเข้าสิง แล้วขู่ปัณรสีไม่ให้รังแกอรอินท์กับโตมรอีก
ปัณรสีตกใจกลัวถอยหนีจนตกน้ำ พัดชาได้แต่ยืนตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วพึมพำว่า มันเกิดขึ้นได้ยังไง
อรอินท์แกล้งทำเป็นโดนผีเข้าหลอกพาโตมรกลับมาที่เรือนท้ายสวนตามลำพัง โตมรเชื่อสนิทใจว่าวิญญาณแขไขมาสิงห์ร่างอรอินทุ์ เขาจึงอดนึกถึงเรื่องราวเมื่อครั้งที่ปกป้องกับเอื้อเฟื้อพาเข้ามาขออาศัยอยู่ที่เรือนท้ายสวนของแขไขไม่ได้
เพราะวันนั้นแขไขให้การต้อนรับโตมรเป็นอย่างดี เพราะเมื่อเธอได้เห็นภาพอาวุธโบราณที่โตมรวาด เธอก็มั่นใจว่า เขาคือรุจกลับมาชาติมาเกิด และคืนก่อนที่แขไขจะกลายเป็นเจ้าหญิงนินทรา เธอได้กระซิบบอกกับโตมรว่า
"ดีใจ ดีใจ ที่มา โลกนี้คงไม่มืดอีกแล้ว" แขไขเอื้อมมือแตะแก้มโตมรเบาๆ โตมรงงมองมาที่เอื้อเฟื้อและปกป้องที่งงเหมือนกัน แล้วภาพนั้นก็ยังติดตรึงอยู่ในใจของโตมรตลอดเวลา
"จำเรื่องที่คุณแขไขเคยพูดกับผม ตอนเจอกันครั้งแรกได้ไหม" โตมรจับมืออรอินทุ์ไว้
"ที่เจอกันวันแรกหรือ ย่าจำได้สิจ๊ะ" อรอินทุ์เล่นละครต่อ
"ผมไม่เคยเข้าใจสิ่งที่ย่าแขพูด จนกระทั่งถึงวันนี้"
"ย่าแข ย่าแขพูดว่าอะไร" อรอินทุ์ไม่รู้จะตอบอะไรเลยหลุด
โตมรรู้ว่าโดนหลอกก็โกรธมากจึงตวาดใส่อรอินทุ์
"เธอจะเล่นอะไรก็ได้ แต่อย่าเอาคนที่เราเคารพอย่างย่าแข มาทำแบบนี้อีกเด็ดขาด"
"ทำไมโตต้องโกรธด้วย แถมยังมีความลับกับย่าแขสองคน ไม่ยอมเล่าให้เล็กฟัง ทีเล็กยังบอกโตทุกอย่าง ว่าไงล่ะ วันนั้น ย่าแขพูดอะไรกับโต โตกับย่าแขมีความลับอะไรกัน"
อรอินทุ์น้อยใจ แต่โตมรไม่ยอมบอกแถมยังเดินหนีไปดื้อๆ อรอินทุ์ชักหงุดหงิดและสับสน เธอเอามือจับที่หัวใจตัวเองแล้วเอ่ยว่า
"แปลกจัง นี่ฉันเป็นอะไรอีกแล้ว ในใจมัน ร้อนรน อึดอัด ไม่สบายตัวเอาซะเลย"
อรอินทุ์มองตามโตมรแล้วรีบเดินตามเพราะอยากรู้ว่า โตมรมีความลับอะไรกับแขไข โตมรนึกรำคาญอรอินท์ที่พูดไม่รู้เรื่องจึงขู่ว่า จะเอาเธอไปทิ้ง
อรอินทุ์นึกกลัวจึงแอบเข้ามานอนในห้องกับโตมรและผู้ขาติดกันไว้ โตมรถึงกับพูดไม่ออกเมื่อไม้นี้เข้า เขาจึงยอมรับปากว่า จะไมโกรธอรอินท์และจะไม่เอาเธอไปทิ้งแล้ว อรอินทุ์จึงยอมให้โตมรแกะเชือกแล้วกลับเข้าไปนอนที่เดิม
เช้าวันใหม่ โตมรเข้ามาบอกกับอรอินท์ว่า จะไปตามหารุจาน้องสาวของรุจเพราะคิดว่าเธอน่าจะรู้เรื่องที่รุจถูกฆ่า อรอินทุ์เห็นด้วย เธอแนะนำให้โตมรโทรไปถามที่อยู่ของรุจาจากรวี และเมื่อได้ที่อยู่มาแล้วทั้งคู่ก็เตรียมออกเดินทาง
แสงรู้เข้าก็จะตามไปขัดขวาง แต่บังเอิญมีสัญญาณเรียกจากดินแดนแห่งความตาย เขาจึงต้องปล่อยโตมรกับอรอินท์ไปก่อน แต่ใช่ว่าโตมรกับอรอินทุ์จะไปถึงจุดหมายได้ง่ายๆ เพราะในระหว่างทางอรอินท์เกิดมีใจเมตตาแวะเอาขนมให้หมาข้างถนนกินและใช้แผนที่บ้านริมน้ำของรุจาที่รวีแฟกซ์มาให้รองอาหารให้หมา ทำให้แผนที่ขาด
"เอ๊ย อะไรเนี่ย หมดกัน ทางจะไปบ้านริมน้ำ ขาดไปแล้ว"
โตมรจ้องอรอินทุ์อรอินทุ์ได้แต่ยิ้มแหย ยอมรับผิดเสียงอ่อย
"เล็กขอโทษ ก็เล็กกลัวหมากินดินสกปรก เลยเอามารองขนมให้ไม่คิดว่าน้ำลายมันจะทำให้แผนที่ขาด"
โตมรขยำมือแค้น อยากบีบคออรอินทุ์ที่สุด
พัดชามาต่อว่าแขไข เพราะไม่พอใจที่แขไขอยากจะรื้อฟื้นเรื่องในอดีตขึ้นมาอีก
"ทุกอย่างกำลังจะดีอยู่แล้ว พี่แขจะอยากรื้อฟื้นเรื่องเก่า ๆ กลับมาอีกทำไม ไม่ว่าเด็กพวกนั้นจะเจอความจริงอะไร พี่แขก็ไม่มีวันฟื้นขึ้นมาได้หรอก พี่แขจะไม่มีทางได้กลับมา เพราะพี่แขต้องอยู่กับพี่ใหญ่ตลอดชีวิตและตลอดไป"
พัดชาบีบมือแขไข แล้วก็เหมือนมีพลังงานบางอย่างพุ่งเข้าช็อตมือของเธอจนสะดุ้ง
"พี่แข นี่พี่แขทำพัดเจ็บหรือคะ พี่แขนี่"
พัดชากุมมือตัวเอง แล้วจ้องแขไขด้วยความตกใจและแน่ใจว่าแขไขต้องการที่จะกลับมาให้ได้

-
โปรดติดตามตอนต่อไป
ที่มา : http://www.oknation.net/blog/lakorn/

เธอคือชีวิต ตอนที่ 3

โตมรกับอรอินท์ได้ข้อมูลเรื่องรุจคนรักของแขไขจากอีเมล์ที่ปกป้องส่งมาถึงเอื้อเฟื้อ แต่ทั้งคู่ยังไม่มีรายละเอียดมากพอ อรอินทุ์กับโตมรจึงไปหารวิชาที่โรงพยาบาลในวันพรุ่งนี้ เพราะมั่นใจว่า รวิชชาต้องรู้จักคนชื่อรุจแน่ ส่วนเอื้อเฟื้อก็ได้หลักที่ช่วยยืนยันว่า รวิชาท้องกับปกป้อง เธอจึงปริ้นท์จดหมายอีเมล์ของปกป้องออกมา
เช้าวันใหม่ เอื้อเฟื้อนำจดหมายของปกป้องที่บอกเรื่องลูกในท้องของรวิชาไปให้จิรายุดู จิรายุถึงกับน้ำตาซึมรำพึงว่า
"ปกป้องลูกพ่อ ทำไมอาภัพอย่างนี้ กำลังคิดจะมีครอบครัว กำลัง คิดจะตั้งต้นชีวิตใหม่แท้ๆ แล้วเรื่องรุจอะไรนี่" จิรายุซักต่อ
"ก็ยังไม่ทราบว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่า โตกับเล็กเขาอาสาจะไปหาอารวีให้ค่ะ เขาว่าจะไปบอกข่าวเรื่องเจอจดหมายนี่ คุณอารวีจะได้สบายใจ แล้วก็จะไปถามเรื่องรุจให้ด้วย" เอื้อเฟื้อว่า
จิรายุพยักหน้ารับรู้ ส่วนทางด้านโตมรกับอรอินทุ์ เมื่อมาถึงโรงพยาบาลก็ต้องพบกับความผิดหวัง เพราะรวีพารวิชากลับไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในจังหวัดอยุธยาแล้ว ทั้งคู่จึงขอร้องให้พยาบาลช่วยค้นที่อยู่ของรวีให้ เพื่อจะได้ติดตามไปในวันพรุ่งนี้ และก่อนจะกลับบ้าน โตมรก็ชวนอรอินทุ์แวะไปเยี่ยมแขไขด้วยกัน
"วันนี้คุณย่าเป็นไงบ้างครับ" โตมรเอ่ยทักเพ็ญ
"ดีขึ้นทุกวัน บางครั้งเวลาเพ็ญพูดด้วย ก็จะมีปฏิกริยาตอบ กดมือเพ็ญอะไรแบบนี้น่ะค่ะ" เพ็ญรายงาน
โตมรยิ้มดีใจ อรอินทุ์ฟังแล้วก็พึมพำ "อืม แบตสองลูก ถ่ายเทพลังงานให้กันและกัน ระหว่างเรากับย่าแข เรากลายเป็นมนุษย์ ย่าแขแข็งแรงขึ้น"
"คุณหมอบอกว่า ถ้าการทำงานของอวัยวะในร่างกายดีขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้ อีกสักพัก จะให้ไปอยู่ห้องธรรมดาค่ะ" เพ็ญรายงานต่อ
โตมรดีใจเดินไปจับมือแขไข และรับรู้ว่าแขไขเริ่มขยับมือตอบสนอง
อรอินท์ชวนแขไขออกมามาหาอะไรดื่มที่ร้านกาแฟ และได้รับรู้เรื่องราวของโตมรว่า ทุกวันก่อนไปเรียนโตมรจะต้องแวะมาดูแลแขไข ทำให้อรนอินท์อึ้ง
และในระหว่างที่อรอินท์กำลังรับรู้เรื่องราวของโตมรกับแขไขอยู่นั้น โตมรก็กำลังมีความสุขอยู่กับการที่ได้ดูแล แต่สายตาที่เขามองเธอเหมือนสายตาของผู้ชายที่มองผู้หญิงฉันท์ชู้สาว อรอินท์เดินกลับมาพร้อมกับเพ็ญ แต่พอได้เห็นสายตาของโตมรที่มองแขไขเธอก็นึกสงสัย
อรอินทุ์กับโตมรกลับมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้เอื้อเฟื้อฟัง และขออนุญาตไปตามหารวีกับรวิชาที่อยุธยาในวันพรุ่งนี้ แต่เอื้อเฟื้อยังลังเลเพราะเป็นห่วงทั้งคู่ อรอินทุ์รีบเข้ามาอ้อนและหลุดปากว่า
"เล็กต้องทำหน้าที่ให้เสร็จ จะได้กลับไปเป็นยมทูตเหมือนเดิม"
"หา อะไรนะ" เอื้อเฟื้อตกใจ โตมรรีบเข้ามากลบเกลื่อน
"เอ้อ เขาหมายถึงกลับบ้านแถวสถานทูตน่ะครับ คือเขาน่ะที่ไม่กลับบ้านทุกวันนี้เพราะห่วงย่าแข อยากจะตามรุจมาเจอย่าแข เขาจะได้หมดหน้าที่" เอื้อเฟื้อได้ฟังก็เห็นใจ
เช้าวันใหม่ โตมรกับอรอินท์เตรียมตัวจะไปอยุธยา แต่ก็โดนปัณรสีแกล้งให้ออกไปซื้ออาหารเช้าที่หน้าปากซอยทำให้ต้องเสียเวลา อรอินทุ์นึกฉุนจึงเอาคืนปัณรสีด้วยการหลอกผีทำให้ปัณรสีต้องโกยแน่บออกไป
แสงรู้ว่าอรอินท์กับโตมรจะไปสืบเรื่องรุจที่อยุธยา จึงมาเข้าฝันพัดชาให้ไปห้ามทั้งคู่ พัดชาตกใจตื่นรีบออกมาตามโตมรกับอรอินท์ และสั่งห้ามไม่ให้ไปอยุธยาตามที่แสงต้องการ แต่บังเอิญว่าจิรายุผ่านมาพอดี เขาจึงช่วยขอร้องพัดชาและอ้างว่า
"เด็กพวกนี้เอาจดหมายของปกป้องให้ผมดู เด็กในท้องน่าจะเป็นลูกของปกป้อง เราไม่ควรใจดำกับคนบ้านนั้น อย่าลืมสิครับ คนของเราเป็นคนขับรถคันนั้น เป็นคนทำให้ลูกสาวเขาบาดเจ็บ"
"เรื่องปกป้องกับหนูรวิชาน่ะแม่เข้าใจ แต่เรื่องรุจ พี่ใหญ่เขาสั่งแม่" พัดชาอ้างกลับ
แต่พอโดนจิรายุซักว่า ลุงใหญ่มาเกี่ยวอะไรด้วย เธอก็ไม่รู้จะเล่ายังไง เพราะเป็นเรื่องของความฝัน จึงต้องยอมจำใจปล่อยโตมรกับอรอินทุ์ไป จิรายุมองตามพัดชาพลางครุ่นคิด
จิรายุตามมาส่งโตมรกับอรอินทุ์ที่รถแล้วยื่นเงินให้จำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง พร้อมกำชับว่า ให้ซื้อกระเช้าไปเยี่ยมรวิชาแทนด้วย โตมรรับคำและให้สัญญาว่าถ้าได้เรื่องแล้วจะรีบกลับมารายงาน ส่วนพัดชาก็เข้าไปในห้องแล้วบอกกับรูปของหมอจิรัชย์ว่า เธอทำพยายามแล้วแต่ห้ามอรอินทุ์กับโตมรไม่ได้
"ถ้าพี่ใหญ่สามารถจัดการเด็กพวกนั้นได้ พี่ใหญ่จัดการเลยนะคะ" พัดชาว่า
"ได้ เดี๋ยวฉันจะจัดการเอง พวกมันไม่มีทางไปถึงจุดหมายได้หรอก" แสงปรากฏตัวขึ้นพร้อมส่งยิ้มเหี้ยม
โตมรแวะปั๊มเพื่อเติมน้ำมันและหาเสบียงให้อรอินท์กินในรถ แต่แล้วอรอินท์ก็ทำเรื่องอีกจนได้ เพราะเธอดันไปส่งยิ้มให้พวกขี้เมาแถมยังพูดคุยด้วยอย่างสนิทสนม ทำให้คนพวกนั้นเข้าใจผิดคิดว่าอรอินทุ์ให้ท่าจึงจะเข้ามาลวนลาม เดือดร้อนถึงโตมรต้องออกมาปกป้องและประกาศว่า อรอินท์เป็นแฟนของเขา ทำให้พวกขี้เมาต้องล่าถอยไป
"จำไว้เลยนะ ผู้ชายไว้ใจไม่ได้สักคน ห้ามทำแบบนี้กับผู้ชายที่ไหนเด็ดขาด ถ้าไม่ระวังตัว เจอดีขึ้นมา เราไม่รู้ด้วยนะ"
โตมรหันมาดุ เมื่ออรอินทุ์เข้ามานั่งในรถ อรอินทุ์ยิ้มกว้าง โผเข้ากอดโตมรพร้อมเอ่ยว่า
"รักโตจัง" โตมรตกใจ ร้องโวยวาย อรอินท์รีบพูดต่อ
"เล็กรู้สึกดีจังที่โตสู้กับพวกนั้นเพื่อปกป้องเล็ก แถมยังบอกพวกนั้นว่าเป็นแฟนเล็กด้วย"
"เปล่าสักหน่อย" โตมรรีบปฏิเสธ แต่ก็นึกได้จึงรีบออกตัวว่า แค่ขู่ให้พวกขี้เมากลัวเท่านั้น
"หน้าแดงอีกแล้ว นั่นแน้ ชอบเขายังไม่ยอมรับ เล็กชอบโตเล็กยังบอกทุกคนเลยว่าเล็กชอบ นี่โตก็ชอบเล็ก ปากแข็งไม่เข้าเรื่อง" อรอินท์ล้อ ทำให้โตมรยิ่งเขิน จึงดุอรอินทุ์กลบเกลื่อน
"นี่มันโลกมนุษย์ ไม่ใช่โลกเทวดา ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นหรอก" อรอินทุ์หัวเราะขำ

โตมรขับรถพาอรอินท์ออกมาจากปั๊มน้ำมันได้สักพัก ก็เห็นมีรถมูลนิธิขับแซงไป และรถบนถนนเริ่มชะลอตัวเพราะมีอุบัติเหตุข้างหน้า อรอินทุ์เตือนให้โตมรระวัง เพราะรับรู้ได้ว่ามีคนตายและมียมทูตอยู่แถวนี้ เธอหันมาเปรยกับโตมรว่า หวังว่ายมทูตคงไม่ใช่แสง แต่พูดไม่ทันจบก็เหลือบไปเห็นแสงเดินออกมาจากกลุ่มไทยมุ่ง เธอร้องสั่งให้โตมรเร่งความเร็วรถเพื่อจะหนีแสง แต่แสงก็ใช้อำนาจให้ทำให้รถเบรกแตก เพื่อจะขัดขวางโตมรกับอรอินท์
รถของโตมรประสบอุบัติ โตมรถูกนำตัวไปโรงพักในข้อหาขับรถโดยประมาทและทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ส่วนอรอินท์หัวกระแทกอรอินท์หมดสติไปและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล อรอินท์ได้พบกับแสงในฝัน และแสงก็บอกกับเธอว่า
"ฉันขอร้องเธอดีๆ แล้ว อย่าตามหารุจ อย่าช่วยแขไข เธอไม่ยอมฟังเธอถึงต้องเจอแบบนี้"
"ฉันไม่กลัวหรอก คุณเป็นเทวดามีบารมีคุ้มครองก็จริง แต่ถ้าขืนคุณทำร้ายฉัน ทำร้ายทุกคนแบบนี้ สักวันบารมีคุณต้องเสื่อม คุณต้องตกอยู่ในอบายภูมิ" อรอินท์ขู่
"อบายภูมิ หมายถึงนรกใช่ไหม ฉันกำลังตกอยู่นี่ไง รักคนที่ไม่รักฉัน เธอคิดว่าฉันอยู่บนสวรรค์งั้นสิ"
"งั้นคุณก็เลิกสิ เลิกทำร้ายฉัน ปล่อยให้ฉันไปเจอรุจ ปล่อยให้รุจมาหาย่าแข ย่าแขจะได้หายป่วย"
"ฮะฮ่า ได้ อยากพบรุจนักใช่ไหม ฉันจะให้เธอพบ เอาเลยไปเลย เดินทางต่อไป ไปหารุจ แล้วเธอจะรู้ว่า ไม่มีประโยชน์ แขไขจะไม่มีวันหายป่วยเพราะการเดินทางครั้งนี้" แสงทิ้งปริศานาไว้
"หมายความว่าไง รุจจะไม่ช่วยย่าแขหรือ ทำไมล่ะคุณแสง ทำไม" อรอินท์ตะโกนถามแล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมา
โตมรโทรขอความช่วยเหลือจากเอื้อเฟื้อ และเมื่อจัดการเรื่องราวที่โรงพักเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบตามาดูอรอินทุ์ที่โรงพยาบาล อรอินทุ์บอกกับชายหนุ่มว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของแสง และแสงก็ยังพูดจาแปลกๆ กับเธออีกด้วย แต่อรอินทุ์ไม่เข้าใจที่แสงพูดจึงไม่เล่าให้ โตมรฟัง
"รถคงขับไม่ได้ ต้องทิ้งไว้ให้ช่างแถวนี้มาซ่อมก่อน นี่เราเข้าจังหวัดอยุธยาแล้วนะ อีกนิดเดียวก็ถึงบ้านอารวี" โตมรเอ่ยขึ้นหลังจากไปเห็นสภาพมารถมาแล้ว
"ถ้าคุณแสงยอมแพ้ ยอมให้เราเจอรุจจริงๆ เขาคงไม่ทำอะไรเราแล้วล่ะ อย่ายอมแพ้นะโต รุจต้องมีความหมายมากแน่ๆ ไม่งั้นทั้งคุณแสง ทั้งย่าพัด ทุกคนจะทำท่าแปลกๆ ทำไม" อรอินท์ย้ำ
โตมรถอนใจ มองไปรอบๆ ตัดสินใจแล้วเอ่ยว่า "นี่ค่ำแล้ว ไม่งั้นต้องหาที่พักแถวนี้ ป่านนี้รถคงหมดไปแล้วล่ะ"

พัดชาออกมายืนมองรูปหมอจิรัชย์ด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความรักอย่างเปี่ยมล้น แล้วเธอก็เอ่ยว่า
"พัดดีใจนะคะ ที่พี่ใหญ่มาหาพัด พัดไม่กลัวสักนิด พี่ใหญ่มาหาพัดอีกนะคะ"
และอีกมุมหนึ่งปัณรสีกับจิรายุก็กำลังจะเดินเข้าห้อง แต่ปัณรสีเหลือบมาเห็นพัดชาที่ยืนพูดอยู่กับรูปของหมอจิรัชย์จึงสะกิดให้จิรายุดู และได้ยินพัดชาคุยต่อว่า
"หลายสิบปีที่ผ่านมา พัดเฝ้าคอยอยากพบพี่ใหญ่ ในฝันก็ยังดีไม่นึกเลยว่า จะมาสมหวังเอาตอนนี้ พัดคิดถึงพี่ใหญ่เสมอนะคะมาหาพัดอีกนะคะ"
"คุณได้ยินหรือเปล่า คุยเป็นเรื่องเป็นราวเลย" ปัณรสีกระซิบบอกสามี
จิรายุไม่ชอบใจที่แม่ตนแอบชอบสามีพี่สาว จึงเดินสะบัดเข้าห้องไป ปัณรสีรีบตามแล้วเม้าท์ต่อ
"สายตาที่คุณแม่มองรูปลุงใหญ่ สายตาแบบนั้นมันไม่เหมือน น้องภรรยามองสามีพี่สาวเลยนะ มันเหมือนกับคู่รักกัน"
"แม่คิดถึงคุณลุงใหญ่ จนถึงป่านนี้แล้ว คุณแม่ยังจะ เฮ้อ" จิรายุพูดค้างด้วยความโมโห
พัดชายังคงยืนมองรูปอยู่ตรงนั้น เธอหวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต เมื่อครั้งที่ไปตามหมอจิรัชย์มารักษาอาการป่วยของพ่อ และเกิดรักแรกพบขึ้น แล้วเธอก็อาสามาช่วยทำงานบ้านให้จิรัชย์ เพราะหวังให้เขาเห็นความดีและมีไมตรีตอบ แต่จิรัชย์กลับมองข้ามแถมยังไปรักแขไขพี่สาวของเธออีกที่มีคนรักอยู่แล้ว ทำให้พัดชาต้องเจ็บช้ำ
"พี่ใหญ่ดูแลพี่แขมาสามสิบปี แต่พี่แขก็ยังรักรุจ พัดแต่งงานไปหลายสิบปีแล้ว แต่ก็ยังรักคุณ ความรักมีแต่เรื่องเจ็บปวดแบบนี้นี่เอง" พัดชาน้ำตารินมองรูปของจิรัชย์ตรงหน้า
โตมาพาอรอินทุ์มาพักที่โรงแรมและจำต้องอยู่ห้องเดียวกัน เพราะไม่มีห้องว่าง โตมรเห็นอรอินทุ์เครียดเรื่องแสงจึงแกล้งแหย่ ด้วยการแอบไปซ่อนตัวให้อรอินท์เข้าใจผิดคิดว่า เขาถูกแสงจับตัวไป อรอินทุ์เป็นห่วงโตมรจึงออกตามหา แต่พอรู้ว่าโดนแกล้งเธอก็โวยวายใส่เขา แล้วเดินหนีเข้าห้อง
"ก็วันนี้เราเหนื่อยมากแล้ว อยากให้คลายเครียดบ้าง ก็เล็กบอกเองไม่ใช่หรือว่า คุณแสงยอมรามือไปแล้ว" โตมรตามมาง้อ
"โตไม่เคยเจอคุณแสง ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาร้ายแค่ไหน ไม่รู้หรือว่าเขาทำอะไรเราสองคนได้ทุกเมื่อ โตหลอกให้เล็กกลัว หลอกให้เล็กห่วง ทำแบบนี้ได้ยังไง หา นี่แน่ะ นี่ มันน่าแค้น" อรอินทุ์ตีโตมรเป็นชุด
"โฮ้ย เจ็บนะ เจ็บๆ นี่ตีนักใช่ไหมจับไว้เลย"
โตมรจับมืออรอินทุ์แล้วกดลงไปบนเตียง ตั้งใจจะปราบให้นิ่งๆ อรอินท์ร้องเสียงหลงสั่งให้โตมรลุกออกไป โตมรรู้ตัวรีบลุกขึ้นพร้อมกับขอโทษ อรอินท์แกล้งทำงอนพร้อมตัดพ้อ
"ไม่ต้องมาพูดเลย คิดจะหนีเล็ก เล็กน่าเบื่อใช่ไหม"
"เล็กไม่ได้น่าเบื่อสักหน่อย วิธีที่ตัวเล็กกิน วิธีที่ตัวเล็กชื่นชมดอกไม้ ชื่นชมสิ่งรอบข้าง มันทำให้มนุษย์เบื่อโลกอย่างเราได้คิดว่า จะมัวอมทุกข์อยู่ทำไม ดอกไม้ยังสวย อาหารยังอร่อย ดีจะตายที่ยังมีชีวิต" โตมรว่า
อรอินทุ์ดีใจโผเข้ากอดโตมรแน่น โตมรร้องโวยวายสั่งให้อรอินท์เอามือออก เพราะกลัวจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วทำฟอร์มลุกเดินหนีบอกกับอรอินท์ว่า
"เราไปนอนข้างนอกนะ ตั้งแต่อยู่กับเธอ มีเรื่องวุ่นทุกวัน ห่างๆ กันบ้างก็ดีแล้วแหล่ะ" อรอินท์มองตามอย่างงงๆ

วันต่อมา โตมรกับอรอินทุ์ก็นำกระเช้าไปเยี่ยมรวิชาที่บ้านพักของรวีพร้อมออกตัวว่า
"พี่เอื้อติดงานน่ะครับ เราเลยเป็นตัวแทนของพี่เอื้อมาส่งข่าว คุณอาน่าจะบอกเรา เรื่องจะย้ายพี่รวิชากลับมาที่โรงพยาบาลในจังหวัด"
"บอกไป เพื่อให้ทางบ้านของคุณมาดูถูกอีกน่ะหรือ" รวียังเคืองไม่หาย
โตมรจึงส่งจดหมายที่ปกป้องบอกเรื่องรวิชากับลูกให้รวีอ่าน รวีมีสีหน้าดีขึ้นจึงถามต่อว่า
"แล้วพ่อกับแม่เลี้ยงพวกเธอ จะหาว่าเป็นจดหมายปลอมอีกไหมล่ะ"
"อาจิรายุพ่อของพี่ป้องรับรู้แล้วยังฝากให้ผมเอากระเช้านี่มาเยี่ยมพี่รวิชาด้วย" โตมรรีบบอก
รวีมองกระเช้าของเยี่ยมแล้วก็ใจอ่อน จึงยอมพาโตมรกับอรอินทุ์ไปเยี่ยมรวิชาที่โรงพยาบาล
"รวิชาออกจากห้องไอซียูแล้ว แต่ยังพูดไม่ได้ คงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง"
รวีมองลูกสาวที่ยังคงนอนนิ่งอยู่ในห้องไอซียู อรอินทุ์รีบถามโตมร
"พูดไม่ได้แล้วจะบอกเรื่องรุจกับเราได้ยังไง"
โตมรหันมาดุอรอินทุ์ว่า เสียมารยาท รวีได้ยินเข้าก็เอ่ยว่า
"ถ้าเธอหมายถึงคนชื่อรุจในจดหมายของปกป้อง ไม่ต้องรอรวิชาหรอก ถามฉันก็ได้"
โตมรกับอรอินท์ทำตาโตไม่คิดว่ารวีจะรู้เรื่องนี้ด้วย
รวีพาโตมรกับอรอินท์กลับมาที่บ้านเพื่อดูรูปครอบครัวที่ใส่อยู่ในอัลบั้ม แล้วดึงภาพของรุจกับรุจาสองพี่น้องสมัยยังหนุ่มสาวออกมาให้ดูพลางอธิบายว่า
"คนชื่อรุจ เป็นปู่ของรวิชา เป็นลุงของผม นี่คือ ลุงรุจ สมัยหนุ่ม และนี่คือ รุจา แม่ของผม ท่านเป็นพี่ชายแท้ๆ ของแม่ผมเอง"
โตมรคิดปะติดปะต่อแล้วเอ่ยว่า ปกป้องคงรู้เรื่องนี้ตอนเดินทางมาที่อยุธยา
"ใช่ เรื่องประหลาดในความหมายของปกป้องก็คือ โลกมันกลม ปู่รุจของรวิชา และย่าแขของปกป้อง เคยรักกัน แล้ววันหนึ่งหลานของทั้งสองครอบครัวคือรวิชาและปกป้อง ก็มารักกันเอง"
โตมรพยักหน้ารับบอกว่า เป็นเรื่องแปลกจริงๆ ด้วย
"เราอยากพบปู่รุจค่ะ คุณอาพาเราสองคนไปพบปู่รุจได้ไหมคะ"
อรอินทุ์รีบเข้าประเด็น แล้วอ้างถึงแขไขที่นอนเป็นเจ้าหญิงนินทรามากว่าสองปีแล้ว
"ท่านพยายามบอกพวกเราว่า ท่านอยากพบปู่รุจก่อนตาย" อรอินทุ์ว่า
รวีแปลกใจแต่ก็ยอมพาทั้งคู่ไปวัดที่เก็บอัฐิของรุจไว้
อรอินทุ์กับโตมรยืนตะลึงเมื่อเห็นเจดีย์ที่เก็บอัฐิของรุจ ทั้งคู่ถึงกับเข่าอ่อนทรุดตัวลงนั่ง
"รุจตายไปแล้ว" อรอินทุ์พึมพำ
ส่วนโตมรก็ถามเสียงแผ่ว "ท่านตายไปแล้ว แล้วเราจะพาตัวท่านไปหาย่าแขได้ยังไง"
รวีจึงบอกกับทั้งคู่ว่า รุจตายเมื่อตอนอายุยี่สิบกว่า มาถึงวันนี้ก็เกือบสี่สิบปีแล้ว
"นี่มันอะไรกัน ท่านตายไปตั้งนานแล้ว ย่าแขจะสั่งให้ตัวเล็กตามหารุจทำไม" อรอินท์งง
"น่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะย่าแขของคุณป่วยเมื่อสองปีที่แล้ว ขณะนั้น ย่าแขคงรู้แล้วว่าปู่รุจตาย เพราะตอนที่ปู่รุจตาย ไม่ได้เป็นความลับอะไร ใครๆ ก็รู้" รวีออกความเห็น
"นี่มันอะไรกัน เป็นไปไม่ได้" โตมรหมดแรง
พัดชามาหาแขไขที่โรงพยาบาล เพราะเชื่อว่าแขไขเป็นคนสั่งให้อรอินท์กับโตมรไปตามหารุจที่อยุธยา เธอตำหนิการกระทำของพี่สาว เพราะเจ็บแค้นแทนจิรัชย์ชายที่เธอรัก แล้วภาพในอดีตเมื่อครั้งที่จิรัชย์มาขอแขไขจากพ่อก็ตามมาตอกย้ำให้พัดชายิ่งเจ็บ แต่เพราะความรักที่มีต่อเขา พัดชาจึงต้องอดทน แล้วเข้ามาขอร้องให้แขไขยอมตกลงแต่งงานกับจิรัชย์เพราะอยากเห็นชายที่รักมีความสุข
"ชะตากรรมของมนุษย์เป็นเรื่องเข้าใจยากจริงๆ เวลาเกือบสี่สิบแล้ว ทุกอย่างเหมือนไม่เคยเปลี่ยนแปลง รุจยังอยู่ในชีวิตของเราสามคน ไม่ว่าจะเป็นเวลานี้หรือเวลานั้น เด็กพวกนั้นกำลังตามหารุจ ฮึ เรื่องบ้าอะไรก็ไม่รู้ พวกนั้นคิดไปเองว่าถ้าพี่แขเจอรุจ แล้วจะหายป่วย เรื่องบ้าทั้งนั้น เด็กพวกนั้นจะต้องผิดหวังเมื่อเจอรุจ"
พัดชาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ สายตาที่เธอมองพี่สาวก็มีทั้งรักและเกลียดระคนกัน
อรอินทุ์กับโตมรยังช็อคไม่หายกับสิ่งที่รับรู้ ทั้งคู่นั่งทบทวนกันอีกครั้ง แล้วอรอินทุ์ก็ยืนยันกับโตมรว่า แขไขสั่งให้เธอช่วยตามหาคนชื่อรุจจริงๆ
"ย่าแขบอกเล็กให้ตามหารุจ คำว่าตามหารุจมันมีความหมายอย่างอื่นหรือเปล่า" โตมรมองหน้าอรอินทุ์
"นี่หมายความว่า เล็กตีความผิดงั้นหรือท่านไม่ได้บอกให้เล็กตามหารุจมาให้ท่าน คำว่าตามหารุจมีความหมายอย่างอื่น ทั้งหมดที่เราทำมา มันผิดหมดเลยหรือ" อรอินทุ์ร้อง
โตมรทำท่ากลุ้ม แสงที่ติดตามทั้งคู่มายืนหัวเราะสะใจแล้วเอ่ยว่า
"ฮะฮะฮ่า ก็บอกแล้ว ว่าเธอมาผิดทาง เธอจะไม่มีวันถึงเป้าหมายหรอก ฮะฮะฮ่า"
เช่นเดียวกับพัดชาที่กำลังยืนหัวเราะอยู่หน้าเตียงแขไข เพราะมั่นใจว่า โตมรกับอรอินทุ์ไม่มีวันได้พบรุจแน่
โตมรกับอรอินทุ์เดินเศร้าๆ เข้ามาในบ้าน เอื้อเฟื้อที่กำลังนั่งทานข้าวอยู่หันมาทัก ปัณรสีได้โอกาสรีบตำหนิ เพราะเข้าใจว่าทั้งคู่ไปเที่ยวมา จิรายุมองปัณรสีแล้วถามข่าวรวิชา
"พี่รวิชา หมอให้ออกจากไอซียู แต่คงต้องใช้เวลาอีกเป็นเดือนกว่าจะกลับมาปรกติ คุณอารวีฝากขอบคุณคุณอาจิรายุด้วยครับสำหรับความห่วงใย" โตมรตอบ
จิรายุพยักหน้ารับรู้ พัดชาจึงถามต่อเรื่องคนชื่อรุจที่ปกป้องเอ่ยถึง อรอินทุ์เตรียมจะเล่า แต่โตมรดึงไว้แล้วชิงตอบเสียเอง
"เรื่องรุจคงเป็นเรื่องเข้าใจผิด เราสองคนเข้าใจผิดไปเอง เราต้องกราบขอโทษย่าพัดด้วยนะครับที่เอาเรื่องไร้สาระมาพูดในบ้านนี้"
โตมรหันไปสั่งอรอินทุ์ "กราบคุณย่าสิตัวเล็ก"
อรอินทุ์งง แต่ก็ยกมือไหว้พร้อมโตมร พัดชายิ้มพอใจ สั่งให้ทั้งคู่เลิกยุ่งเรื่องรุจ
"นี่มันยังไงกันน่ะ" เอื้อเฟื้อแปลกใจรีบลุกตามโตมรกับอรอินท์ไปที่บ้านท้ายสวน โตมรกับอรอินทุ์เล่าเรื่องรุจให้เอื้อฟังพร้อมปรับทุกข์ว่า อรอินทุ์อาจจะเข้าใจผิดไปเอง เพราะสิ่งที่รับรู้มาผิดพลาดทั้งหมด
"ตอนนี้ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ที่ย่าแขบอกตัวเล็กคือเรื่องอะไร ย่าแขข้องใจอะไรเกี่ยวกับปู่รุจ ในเมื่อท่านตายไปเกือบสี่สิบปีแล้ว" อรอินทุ์เศร้า เอื้อเฟื้อพยักหน้าเข้าใจ
"ความข้องใจในอดีตทำให้ผู้หญิงชราคนหนึ่งไม่สามารถเดินทางไปสู่ปรโลกได้ สิ่งที่ทำได้คือหายใจรวยริน นอนเป็นเจ้าหญิงนิทรา มีชีวิตอยู่ต่อก็ไม่ได้ จะตายก็ไม่ได้ แขไขเธอทำแบบนี้เพื่ออะไร อยู่ระหว่างการมีชีวิตและความตาย อยู่แบบนี้ทำไมกัน"
แสงเข้ามาตอกย้ำแขไข แขไขทำอะไรไม่ได้จึงร้องไห้ออกมา เพ็ญที่นั่งอยู่ข้างเตียงแปลกใจรีบลุกขึ้นมาดู แต่เธอก็ไม่มีโอกาสได้เห็นและได้ยินแสงที่กำลังบอกกับแขไขว่า
"การยึดติดกับอดีตเป็นความทุกข์มหันต์ ทำไมล่ะแขไข รุจตายไปนานแล้ว เมื่อไหร่คุณจะเลิกสงสัยเรื่องของรุจ แล้วยอมทิ้งร่างกายออกมาอยู่กับผม ผมรอคุณอยู่ตรงนี้ ทิ้งร่างกายซะ ออกมาอยู่กับผมเถอะนะ"
แสงจับที่แขนของแขไข แขไขปล่อยพลังงานให้ไฟช็อตแสงด้วยความโกรธ
"โอ๊ย ฮึ คุณพยายามใช้พลังงานที่เหลือน้อยนิด ต่อต้านผม พยายามสื่อสารกับอรอินทุ์ พยายามดิ้นรนทุกทาง เพื่อให้ได้รู้เรื่องของรุจ ก็เอาสิ ผมจะปล่อยให้คุณดิ้นพราดๆ อยู่อย่างนี้ ทั้งคุณ อรอินทุ์และโตมร จะต้องเจ็บปวด ถ้ายังขืนวุ่นวายกับเรื่องของรุจต่อไป" แสงประกาศเสียงกร้าว
อรอินทุ์ยืนกลุ้มคิดไปมาพลางถอนใจ โตมรที่เดินนำอาหารมาให้เห็นเข้าก็แกล้งแซว แต่อรอินทุ์ไม่เล่นด้วย เธอหันมาปรับทุกข์กับโตมรว่า
"เล็กเป็นยมทูต ที่ถูกพลังของย่าแขชุบชีวิตขึ้นมาเพื่อทำอะไรบางอย่าง แต่เล็กไม่รู้ว่าย่าแขจะให้เล็กทำอะไร เพราะฉะนั้นเล็กก็ยังกลับไปเป็นยมทูตไม่ได้เป็นโต โตไม่ทุกข์หรือ"
โตมรถอนใจตอบว่า "ตอนนี้มีทางให้เลือกอยู่สองทาง ทางที่หนึ่ง ลืมเรื่องนี้ซะ เล็กชอบการเป็นมนุษย์นี่นา ก็ใช้ชีวิตเป็นมนุษย์ต่อไป ส่วนทางที่สองก็กลับไปหาย่าแข ไปถามให้รู้แน่ว่าย่าแขหมายถึงอะไร นั่นคือต้องกลับไปช็อตไฟกับท่านอีกครั้ง ซึ่งเป็นวิธีที่เสี่ยงมาก"
"เพราะทุกครั้งที่ช็อตไฟกัน ตัวเล็กจะอ่อนแอลง ดวงจิตจะสูญสลายเมื่อไหร่ก็ได้" อรอินทุ์รีบต่อให้
โตมรพยักหน้า "ใช่ เพราะฉะนั้นเราต้องหาวิธีอื่นและถ้ายังคิดวิธีอื่นไม่ออกก็หยุด ทุกอย่างไว้แค่นี้ก่อนดีไหมตัวเล็ก" โตมรว่า อรอินทุ์หยุดคิดแล้วตอบโตมร
"ชีวิตคือการเสี่ยงนะโต เราต้องเสี่ยงอยู่เสมอ"
อรอินทุ์สีหน้าหมายมาด แล้วชวนโตมรไปหาแขไขที่โรงพยาบาลเพื่อสื่อสารกันอีกครั้ง
อรอินทุ์จับที่มือแขไข แขไขช็อตไฟใส่ทันที อรอินทุ์ชะงักนิ่งสั่นน้อยๆ ไฟฟ้าวิ่งจากแขไขเข้าใส่อรอินทุ์เป็นสาย โตมรได้แต่ตะโกนเรียก แล้วแขไขก็ส่งผ่านภาพในอดีตให้อรอินทุ์ได้รู้ว่า หลังจากที่เธอแต่งงานกับหมอจิรัชย์แล้ว รุจาน้องสาวของรุจก็ได้ไปประกันตัวเขาออกมา แล้วพากลับไปอยู่ที่บ้านเรือนไทยริมน้ำ
8 ปีผ่านไปรุจยังไม่อาจตัดใจลืมแขไขได้ รุจาจึงทำได้เพียงคอยปลอบใจพี่ชาย แล้ววันหนึ่งรุจาก็ชวนรุจไปร่วมงานโกนผมไฟเด็กชายทอง ลูกชายของกำนันเงิน จึงทำให้รุจได้พบกับแขไขที่มาร่วมงานนี้ด้วย เพราะกำนันทองเคยมีบุญคุณกับพ่อของเธอ และสั่งเสียเธอไว้ก่อนตายว่า ให้ช่วยดูแลครอบครัวของกำนันเงินแทนด้วย

เธอคือชีวิต ตอนที่ 2

เอื้อเฟื้อเข้ามาเยี่ยมรวิชาที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่ในห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน และได้พบกับรวีพ่อของรวิชา เอื้อรีบเข้าไปไหว้รวีพร้อมกับแนะนำตัว รวีรับไหว้แล้วตีหน้าขรึมบอกกับเอื้อเฟื้อว่า
"รวิชากระเด็นออกจากรถ ขาหัก หัวสมองได้รับความกระทบกระเทือนรู้สึกตัวบ้างเป็นบางครั้ง แต่ยังพูดไม่ได้เอื้อเฟื้อ"
"คุณพ่อของเอื้อ ฝากมาแสดงความเสียใจกับคุณลุง” เอื้อเฟื้อบอกต่อ
"ลุงก็ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวหนูด้วยที่เสียปกป้องไปแล้วลุงจะไปฟังสวดนะ จริงๆ มีเรื่องต้องคุยกับคุณพ่อหนูเหมือนกัน" รวีมองหน้าเอื้อเฟื้อแล้วตัดสินใจไม่พูดต่อเรื่องที่รวิชาท้อง เพราะคิดว่ายังไม่สมควร ทำให้เอื้อเฟื้อนึกสงสัย
อรอินทุ์ถูกพาตัวที่ห้องฉุกเฉิน เพราะหมอสันนิษฐานว่าเธอถูกไฟฟ้าช็อต และเมื่ออรอินทุ์ก็รู้สึกตัว โตมรรีบเข้าไปถามอาการ อรอินทุ์บอกว่า มึนหัวนิดหน่อยแล้วลุกเดินหนีเพราะไม่อยากให้หมอรักษา โตมรหันมาขอบคุณหมอแล้ววิ่งตามอรอินท์ไป อรอินทุ์บอกกับโตมรว่า คราวนี้แขไขส่งภาพในอดีตมาให้เธอเห็น โตมรนึกสงสัย เพราะอาการของอรอินทุ์ดูแย่ลงกว่าคราวที่แล้วมาก อรอินทุ์นึกถึงเหตุการณ์ที่โดนแขไขชาร์ตไฟใส่แล้วอธิบายว่า
"ทุกครั้งที่ชาร์ตไฟกัน เล็กจะอ่อนแอลง แต่ย่าแขจะเข้มแข็งขึ้น"
"มิน่าเมื่อกี๊ ย่าแขลืมตา คราวที่แล้วยกมือได้ คราวนี้ลืมตาได้ ปรกติแค่จะพลิกแขนยังทำไม่ได้เลย" โตมรเห็นด้วย
อรอินทุ์พยักหน้าบอกต่อว่า "เราคงใช้วิธีนี้ไม่ได้บ่อยนัก ถ้าเล็กชาร์ตไฟกับท่านบ่อยๆ ดวงจิตของเล็กอาจถูกทำลายได้"
"นี่ตกลง ทั้งหมดเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือ" โตมรไม่อยากเชื่อ
"โต เล็กเบื่อที่จะพูดแล้วนะ เมื่อไหร่จะเชื่อกันบ้าง จะให้ย่าแขตายไปก่อนหรือยังไง" อรอินทุ์เริ่มเสียงดัง
โตมรมองอรอินทุ์ครุ่นคิดหาวิธีพิสูจน์ แล้วเขาก็ชวนเธอกลับ เพราะจำได้ว่ามีรูปวาดฝีมือของแขไขเก็บไว้ที่เรือนท้ายสวน
โตมรพิสูจน์ความจริงด้วยการให้อรอินทุ์บอกมาว่า สภาพบ้านในอดีตของแขเป็นอย่างไร ซึ่งอรอินทุ์ก็บอกได้ถูกต้องและตรงกับรูปภาพที่แขไขเคยวาดไว้ไม่ผิดเพี้ยนทำให้โตมรต้องอึ้ง
"ตัวเล็กยังเห็นหน้ารุจด้วยนะ หรือว่า" อรอินทุ์นึกได้รีบไปค้นภาพจากกองที่เป็นฝีมือของแขไขแล้วเธอก็เจอภาพที่ต้องการ
"นี่ไงรุจ คนนี้คือรุจ" อรอินทุ์โชว์ให้โตมรดู โตมรยืนตะลึงรู้สึกสนใจภาพชายคนนั้นขึ้นมาจึงรีบค้นรูปจากมุมต่างๆ ของบ้านมาเพิ่มเติม
"ย่าแขไขวาดรูปผู้ชายคนนี้เยอะแยะไปหมด ท่านคงรักรุจมาก" โตมรมองรูปที่ค้นมาได้
"เห็นไหมคราวนี้เชื่อหรือยัง เชื่อแล้วใช่ไหมว่าเล็กพูดความจริง เชื่อแล้วใช่ไหม ว่าย่าแขรอรุจ ย่าแขต้องพบรุจให้ได้ ไม่งั้นย่าแขจะต้องป่วยตลอดไป ไม่มีทางฟื้นขึ้นมาได้อีก" อรอินทุ์ยืนยัน โตมรได้แต่ถอนใจเพราะเรื่องเหลือเชื่อกำลังเกิดขึ้นกับตนทำเอาพูดไม่ออก
โตมรเดินหน้าเครียดออกมาจากในบ้าน อรอินทุ์ตามมาเรียกเพราะคิดว่าโตมรยังไม่เชื่อ โตมรหันมาถามอรอินทุ์ว่า ยมทูตแต่งตัวยังไง อยู่กันยังไง อรอินทุ์ยิ้มออกรับรู้ว่าโตมรเชื่อที่เธอพูดแล้วจึงตอบว่า
"มนุษย์มีความรู้เล็กๆ น้อยๆ ก็นึกว่าตนนั้นยิ่งใหญ่ โลภโมโทสันและ
เอาเปรียบธรรมชาติตลอดเวลา แท้จริงแล้วความรู้ของมนุษย์แค่หางอึ่ง แม้แต่เทวดาที่อยู่รอบตัวเขา ยังมองไม่เห็น"
"แม้แต่ที่เรายืนอยู่ก็มีเทวดางั้นหรือ"
"ใช่ มีทั้งรุกขเทวดา เทวดาเจ้าที่ ยมทูตและอื่นๆ อีกมากมาย" อรอินทุ์มองออกไปเห็นเทวดา เจ้าที่และยมทูตต่างก็กำลังทำหน้าที่ของตน โตมรถามต่อว่า อรอินทุ์อยากกลับไปเป็นเทวดาไหม
"ที่นี่ตัวเล็กไม่รู้จักใคร แม้จะชอบความเป็นมนุษย์ แต่ก็อยากกลับบ้าน ตอนนี้เล็กสับสน ย่าแขอยากให้ช่วย แต่คุณแสงอยากให้เลิกยุ่ง เฮ้อ เล็กยังไม่รู้จะเชื่อใครดีเลย" อรอินทุ์กลุ้ม
โตมรพาอรอินทุ์มาช่วยงานที่วัดและโดนเพื่อนๆ แซว โตมรรีบออกตัวว่าอรอินทุ์เป็นน้องสาวของเขา เพื่อนๆ จึงเข้าไปรุมจีบและขอเบอร์อรอินทุ์ แต่อรอินทุ์กลับบอกทุกคนว่า ให้โทรมาที่เบอร์ของโตมรเพราะเธอเป็นแฟนของเขา ทำให้เพื่อนๆ ของโตมรจ๋อย โตมรเดินเข้าไปปลอบใจเอื้อเฟื้อที่ยืนร้องไห้อยู่หน้าศพปกป้อง และบังเอิญ ญาติผู้ใหญ่ฐานะดีเดินเข้ามาทักเอื้อเฟื้อ ปัณรสีจึงรีบเข้ามาประจบเพราะหวังเอาหน้า ญาติผู้ใหญ่หันไปทักโตมร เพราะรู้สึกคุ้นหน้าและเข้าใจว่าอาจเป็นญาติกัน แต่ปัณรสีรีบกันท่าบอกว่า โตมรเป็นแค่คนใช้แล้วไล่ให้โตมรกลับไปช่วยงานในครัว โตมรก้มหน้ารับคำสั่งแล้วเดินออกไป เอื้อเฟื้อมองตามอย่างไม่พอใจ และเมื่อญาติผู้ใหญ่เดินออกไปแล้ว เธอก็จะหันมาเล่นงานปัณรสีแต่ปัณรสีชิงพูดขึ้นก่อนว่า
"อย่าหาว่าน้าเตือนเลยนะคะ ตระกูลเราเก่าแก่มีหน้ามีตา หนูเอื้อต้องรู้จักวางตัว จะนับญาติกับใคร ให้สมฐานะหน่อยก็ดีนะคะ" เอื้อเฟื้อจึงได้แต่แค้นใจ
ปัณรสีเดินเข้ามาในงานเห็นโตมรเข้ามาช่วยจิรายุรับพวงหรีดและซองจากแขกที่มาร่วมงานก็เข้าไปไล่โดยอ้างว่า ไม่เหมาะสมเพราะไม่อยากให้แขกเข้าใจผิดว่ามีญาติเป็นเด็กบ้านนอก ทำให้โตมรจ๋อยหนักขึ้นรีบก้มหน้าเดินหนีไป อรอินทุ์ที่เสริฟน้ำอยู่แถวนั้น เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว เธอมองตามอย่างครุ่นคิดเพราะไม่เข้าใจปัณรสี แล้วอรอินทุ์ก็ตามไปปลอบใจโตมรพร้อมกับถามว่า โตมรเคยผิดใจหรือทำอะไรปัณรสีหรือเปล่า ทำไมปัณรีสีถึงเกลียดโตมร โตมรยิ้มเศร้าแล้วสอนอรอินทุ์ว่า
"ตัวเล็กชอบการเป็นมนุษย์มากใช่ไหม งั้นตัวเล็กรู้ไว้เถอะ มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่สามารถอิจฉาริษยา และทำร้ายกันได้โดยไม่มีเหตุผล ในชีวิตของเรา ไม่ได้มีแค่คุณปัณหรอก เราเจอคนดูถูกรังเกียจเรา เพียงเพราะเราจน เราเป็นคนบ้านนอก เยอะแยะ" อรอินทุ์ฟังแล้วก็เศร้าไปและรู้สึกสงสารโตมรมาก
เมื่อกลับมาถึงบ้าน อรอินทุ์ก็อดคิดถึงเรื่องของแขไขไม่ได้ เธอยืนมองรูปรุจที่วางเรียงกันอยู่บนขาตั้ง ด้วยความสับสนเพราะไม่รู้ว่าจะช่วยแขไขดีหรือไม่ แล้วในที่สุดอรอินทุ์ก็ร้องเรียกแสงเพื่อขอร้องให้แสงยอมยอมปล่อยให้แขไขได้เจอรุจสักครั้งเพื่อให้ทุกอย่างจะได้จบลงด้วยดี แต่แสงไม่ยอม เขาโกรธมากที่อรอินท์คิดจะช่วยเหลือแขไขจึงจะใช้อำนาจทำลายรูปของรุจและจะทำร้ายอรอินทุ์
และในระหว่างที่อรอินทุ์กำลังร้องขอชีวิตและขอร้องให้แสงยอมปล่อยแขไขไป โตมรก็กำลังฝันเห็นภาพเห็นการณ์ในอดีต เมื่อครั้งที่รุจเข้าไปคุยกับพ่อของแขไขเพื่อขอแต่งงานกับเธอ แต่โดนปฏิเสธ เพราะพ่อต้องการให้แขไขแต่งงานกับหมอจิรัชย์ชายที่เหมาะสมและคู่ควร หมอจิรัชย์ที่นั่งอยู่ด้วยตกใจมากเมื่อรู้ว่าแขไขกับรุจรักกัน แขไขหันมาอ้อนวอนให้จิรัชย์เห็นแก่ความรักของเธอกับรุจ หมอจิรัชจึงยื่นข้อเสนอว่า ให้รุจไปพบเขาที่บ้านในวันพรุ่งนี้ตามลำพังเพื่อตกลงกันตามประสาลูกผู้ชาย
รุจยอมไปพบจิรัชย์ที่บ้านตามเงื่อนไข จิรัชย์พูดจาแดกดันและพยายามชี้ให้เห็นว่าแขไขเหมาะสมกับเขามากกว่ารุจและถ้าเธอแต่งงานกับเขาเธอก็จะสุขสบายกว่าแต่งงานกับรุจที่เป็นแค่ลูกชาวนาจนแถมยังเรียนไม่จบเพราะชอบวาดรูป และอาชีพวาดรูปของรุจก็คงเลี้ยงตัวเองไม่รอด
"คุณกำลังดูถูกผม" รุจเจ็บไปถึงกระดูกดำ
"ผมกำลังพูดด้วยเหตุผล ผมให้ชีวิตที่ดีกว่ากับแขไข ในขณะที่คุณให้ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ผมจะแต่งงานกับแขไข ส่วนคุณถ้าเป็นลูกผู้ชายพอก็หลีกทางไปซะ" จิรัชย์ยื่นคำขาด แต่รุจไม่ยอมเขายืนยันว่า แขไขรักเขาไม่ใช่จิรัชย์
"เฮอะ ความรักหรือ ความรักไหนๆ ในโลกก็เหมือนกันทั้งนั้น ผมรักแขไขจริงๆ สิ่งที่ผมพลาดคือ ผมเจอแขไขช้ากว่าคุณ ลองให้เวลาผมสิ ให้เวลาเท่าๆ กัน ผมจะปรนเปรอเธอด้วยความรักของผม และในที่สุดเธอจะลืมคุณ"
"คุณดูถูกหัวใจคน คุณคิดว่าความรักตีราคาได้จริงๆ หรือ คุณรู้ได้ยังไงว่าแขไขจะลืมผมถ้าแต่งงานกับคุณ คุณรู้ได้ยังไงว่าผมจะลืมแขไข และทอดทิ้งความรักของเราง่ายๆ"
"ผมจะใช้ชีวิตทั้งชีวิตพิสูจน์ให้คุณดู บอกแล้วไง แค่ปีเดียว ปีเดียวเท่านั้น เธอจะลืมคุณ ส่วนคุณ ผมรู้นะว่าคุณกำลังลำบากเพราะหนี้สิน รับเงินนี่ไปซะแล้วไปจากเธอ" จิรัชย์โยนซองใส่เงินให้ รุจมองซองใส่เงินอย่างเจ็บปวดแล้วเอ่ยว่า
"คุณไม่รู้จักความรักเลย เงินนี่ เยอะนะ แต่ถ้าจะซื้อหัวใจคน มันยังถูกเกินไป" รุจโยนซองเงินคืนใส่หน้าจิรัชย์แล้วเดินออกไป จิรัชย์โกรธมากรีบตามไปกระชากไหล่รุจ
"นี่หมายความว่าไง จะไม่ยอมออกไปจากชีวิตแขไขใช่ไหม" รุจสะบัดตัวมองจิรัชย์อย่างเกลียดชัง
"คุณเป็นคนดีนะ แต่ใจร้าย คุณกำลังจะจับแขไขใส่ในกรงทอง คิดเองเออเองว่ามันดีสำหรับแขไข แต่คุณไม่เคยสนใจจิตใจของเธอ คุณคิดเองเออเองว่ามันคือความรัก รู้หรือเปล่า คุณกำลังเห็นแก่ตัว" รุจชี้หน้าด่า จิรัชย์ถลันเข้ามาดึงคอเสื้อรุจ
"ฮึ จิตรกรที่มีแต่ตัวอย่างแก เอาอะไรมาสอนหมออย่างฉัน แกต่างหากไม่ยอมรับความจริง แกต่างหากที่เห็นแก่ตัว การแต่งงานจะมีขึ้นสิ้นเดือนนี้ ไม่ว่าแกจะยอมหรือไม่ ฉันจะแต่งงานกับแขไข"
จิรัชย์ประกาศใส่หน้าแล้วสะบัดตัวรุจจนกลิ้งไปกับพื้น รุจอึ้งเมื่อรู้ความต้องการของจิรัชย์ ทั้งสองมองกันอย่างเกลียดชัง
คืนต่อมารุจตัดสินใจพาแขไขหนี แต่จิรัชย์และพ่อของแขไขตามไปทัน รุจกับแขไขได้รับบาดเจ็บเพราะรถมอเตอร์ไซของรุจถูกจิรัชย์ยิงล้อเสียหลักลงข้างทาง แขไขถูกพาตัวส่งโรงพยาบาล ในขณะที่รุจต้องกลายเป็นผู้ต้องหาลักพาตัวและถูกพามารักษาที่สถานีอนามัยที่จิรัชย์เป็นหมอประจำอยู่
"กว่าจะออกจากห้องขัง งานแต่งงานก็คงผ่านไปแล้ว คนต่ำต้อย ใช้วิธีต่ำๆ ผลก็เลยออกมาเป็นแบบนี้ ช่วยไม่ได้" จิรัชย์ยิ้มอย่างผู้ชนะแล้วมองที่แผลของรุจบอกต่อว่า
"ส่วนแผลนี่ ฉันเป็นหมอ ฉันจะรักษาให้ แต่เขาว่าความเจ็บเป็นบทเรียนสอนคน พยาบาล ไม่ต้องฉีดยาชา" จิรัชย์สั่งพยาบาล พยาบาลเดินเลี่ยงออกไป
"นี่แก แก" รุจดิ้นพราดเพราะรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตน
งานแต่งของจิรัชย์และแขไขผ่านพ้นไป แต่แขไขก็ยังคงร้องไห้ไม่เลิก เพราะคนที่เธอที่รักคือรุจไม่ใช่จิรัชย์ ส่วนรุจก็ต้องเผชิญชะตากรรมอยู่ในห้องขังอย่างเดียวดาย เขาได้แต่คร่ำครวญหาแขไขและตะโกนอาฆาตจิรัชย์
โตมรสะดุ้งตื่นขึ้นเหงื่อผุดเต็มหน้า เขารู้สึกกลัวและเจ็บปวดตามรุจไปด้วย แล้วก็ได้ยินเสียงอรอินทุ์ร้องขอความช่วยเหลือ เพราะกำลังจะโดนแสงเล่นงานด้วยการบังคับให้มีดพุ่งเข้าแทง โตมรรีบเข้าไปในห้องและทันช่วยชีวิตอรอินทุ์พอดี อรอินทุ์ตกตะลึงทรุดตัวลงนั่ง
"ตัวเล็กเป็นอะไรหรือเปล่า มองไปรอบๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้น มีดนั่น เป็นแบบนั้นได้ยังไง" โตมรงุนงง ในขณะที่แสงเสยะยิ้มพอใจที่ขู่ให้อรอินทุ์กลัวได้แล้วหายตัวไป
โตมรพาอรอินทุ์มานั่งหน้าบ้าน อรอินทุ์หันมาบอกกับโตมรว่า แสงโกรธมากขึ้นทุกวันและเธอเองก็คิดไม่ถึงว่าแสงจะดุร้ายถึงขนาดนี้ โตมรนึกเรื่องในฝันของตน และได้สัมผัสแสงหรือจิรัชย์มาด้วยตนเองแล้วจึงเปรยว่า
"เราก็ไม่เคยเจอเหมือนกัน มือที่รักษาคน กับมือที่ทำร้าย กลายเป็นมือของคนๆ เดียวกันได้ยังไง"
"นั่นน่ะสิ เวลาอ่อนโยนเขาอ่อนโยนมากเลยนะ แต่เวลาที่โมโห เฮ้อ เหมือนปีศาจร้าย เอ้ย นี่โตรู้จักคุณแสงด้วยหรือ" อรอินทุ์แปลกใจ
โตมรพยักหน้าแล้วเล่าว่า เขาฝันเห็นเรื่องราวของรุจกับอดีตชาติของคุณแสงหรือหมอจิรัชย์พร้อมเล่ารายละเอียดให้อรอินท์ฟัง
"เห็นภาพงานแต่งงานทั้งหมด รู้เรื่องทั้งหมดเลยหรือ ทำไมภาพอดีตพวกนี้ถึงไปอยู่ในฝันของโต ไม่อยู่ในฝันของเล็กล่ะ โตไม่ได้มีอะไรเชื่อมโยงกับคุณแขนี่ หรือเมื่อก่อนคุณแขเล่าให้ฟัง" อรอินทุ์ซักต่อ
"เรารักเคารพคุณแขมากนะ บ้านนี้ที่จริงเป็นของย่าแข เรามาอยู่บ้านนี้ได้เพราะย่าแขอนุญาต ท่านเป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ของเรา อาจเป็นเพราะเราห่วงท่านมาก ท่านก็เลยบันดาลให้เราฝันถึง" โตมรว่า อรอินทุ์พยักหน้ารับแล้วบ่นต่อ
"เฮ้อ งานนี้ติดแหง็กกลายเป็นมนุษย์แหงเลยยายอรอินทุ์เอ๊ย"
"ไม่รู้ทำไมนะตัวเล็ก เราเข้าใจความรู้สึกของรุจดีมากเลย" โตมรเปรยพลางครุ่นคิด

ปัณรสีมาขอกุญแจห้องปกป้องจากกัญญา เพราะจะเขาไปค้นโฉนดที่ดินที่จิรายุมอบให้ปกป้อง แต่กัญญญาบอกว่ากุญแจอยู่ที่โตมร ทำให้ปัณรสีไม่พอใจรีบออกไปเล่นงานปกป้อง แล้วสั่งให้เขาเปิดห้องปกป้องให้เธอเดี๋ยวนี้ แต่ปกป้องไม่ยอม คิดว่าไม่เหมาะสมจึงจะไปขอต้องขออนุญาตพัดชากับเอื้อเฟื้อในฐานะเจ้าของบ้านก่อน ปัณรสีโมโหเข้ามาแย่งกุญแจจากโตมรแล้วผลักชายหนุ่มล้มลงไป อรอินทุ์แอบมองเหตุการณ์อยู่ห่างๆ แล้วรีบวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากเอื้อเฟื้อที่ออกมาจากห้องพอดี
โตมรเข้ามาห้ามไม่ให้ปัณรสีเปิดห้องปกป้อง จึงจะโดนปัณรสีตบหน้าแต่เอื้อเฟื้อเข้ามาขวางไว้และเกิดการปะทะคารมกันขึ้นทำเรื่องบานปลาย เดือดร้อนถึงพัดชากับจิรายุต้องเข้ามาตัดสิน
"ปกป้องยังเก็บรักษาที่ดินนั้นไว้เป็นอย่างดี ไม่ได้เอาไปขายที่ไหน เขาเอาโฉนดที่ดินมาไว้กับผม เขาบอกว่า ที่ดินมันใหญ่พอที่จะสร้างบ้านอยู่ด้วยกันทั้งครอบครัว เขาบอกว่าบ้านหลังนี้เป็นสมบัติของย่าแข เขารู้ว่าผมไม่อยากอยู่ที่นี่"
จิรายุบอกกับทุกคนแล้วเหลือบมองพัดชา พัดชาหน้าตึงเพราะเรื่องที่จิรายุไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้เป็นปัญหามานานแล้ว เธอรีบตัดบทว่า
"คิดมากกันไปได้ แม่เคยบอกแล้วบ้านย่าแขก็เหมือนบ้านของเรา"
"ปกป้องอยากสร้างบ้านที่เป็นของเราเอง เพื่อให้ผมย้ายจากเชียงใหม่ลงมาอยู่กับเขาและเอื้อเฟื้อ" จิรายุพูดต่อ
เอื้อเฟื้อฟังแล้วก็น้ำตาคลอคิดถึงพี่ชายขึ้นมา แต่ปัณรสีทำเหมือนไม่เชื่อเพราะไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน พัดชาจึงรีบสรุป
"แม่ปัณ มีเรื่องอะไร ทำไมไม่ถามพ่อจิราเขาก่อน ใจร้อนไม่เข้าเรื่องน่ะเรา" อรอินทุ์แอบดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ และรับรู้เรื่องราวทั้งหมด
ปัณรสียังคงแค้นใจโตมรไม่หายจึงมาพาลหาเรื่อง และทำลายกระถางต้นไม้ที่โตมรกับอรอินทุ์ช่วยกันปลูก อรอินทุ์เข้าห้ามจึงถูกปัณรสีเล่นงานและต่อว่าอย่างรุนแรง
"ยายเด็กนี่ก็อีกคน ป่านนี้ยังไม่กลับบ้าน อาศัยในบ้านเขาไม่พอ ยังพาผู้หญิงมาสมสู่ในบ้านอีก ถ้าเป็นบ้านฉันหน่อยไม่ได้ ผู้หญิงพรรค์นี้ฉันไล่ออกไปนานแล้ว"
อรอินทุ์หน้าซีดเพราะไม่เคยรู้จักด้านมืดของโลกมนุษย์เต็มตาเหมือนครั้งนี้ เธอสัมผัสได้ถึงกระแสการดูถูกที่ออกมาจากปัณรสี
"เล็กไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียดแบบนั้น ทำไมว่าเล็กแบบนี้" อรอินทุ์เสียงสั่น
"ต๊าย ยังมีหน้ามาทำตาใส ผู้หญิงข้างถนนอย่างเธอ ฉันทำมากกว่านี้ยังได้" ปัณรสีเงื้อมือขึ้นจะตบอรอินทุ์ แต่โตมรจับไว้แล้วจ้องหน้าปัณรสีอย่างเอาเรื่อง
"คุณมีสิทธิ์ดุด่าว่ากล่าวผม เพราะผมติดหนี้ครอบครัวคุณ แต่กับผู้หญิงคนนี้คุณไม่มีสิทธิ์อย่ามายุ่งกับเขา จิตใจเขาบริสุทธิ์และสวยงามกว่ามนุษย์ทุกคนในโลกใบนี้ โดยเฉพาะมนุษย์อย่างคุณ" โตมรสะบัดมือ ปัณรสีเซไปแล้วกลบ่าวอาฆาต
"ไอ้โตมร คอยดูเถอะ ฉันจะเฉดหัวแกออกจากบ้านนี้สักวันหนึ่ง" ปัณรสีเดินจากไป
โตมรรีบเข้ามาหาอรอินทุ์ที่กำลังเสียขวัญ เขาถามเธอว่าตกใจมากไหม แต่อรอินทุ์กลับนั่งนิ่ง
ตอนเที่ยง โตมรเอาอาหารมาให้อรอินทุ์ทานเพราะหวังจะให้เธอกลับมาเป็นคนเดิม แต่อรอินทุ์ก็ยังคงนั่งนิ่งซึ่งผิดนิสัยประจำตัวมาก ทำให้โตมรยิ่งสงสาร เขาจึงปรับทุกข์กับเธอถึงเรื่องความโหดร้ายที่เกิดขึ้นบนโลกมนุษย์ เพราะอยากให้อรอินท์เข้าใจว่า โลกมนุษย์ไม่ได้มีแต่อาหารอร่อยและดอกไม้สวย แต่มีความเกลียดชัง ความโลภ และความเห็นแก่ตัวอยู่ด้วย
"เมื่อก่อนเป็นยมทูต เห็นก็จริง แต่ไม่รู้สึกเจ็บเท่าตอนที่เป็นมนุษย์ถูกมนุษย์ด้วยกันดูถูกเหยียดหยาม" อรอินทุ์ว่า
"หมอจิรัชย์เกลียดรุจเพราะรุจเป็นศิลปินยากจน เราก็เหมือนรุจ คำว่าเด็กบ้านนอก เด็กวัด เด็กกำพร้า เราฟังมาจนชิน ทุกคนมองเราเหมือนที่น้าปัณมอง" โตมรรำพึง
"โตเจอจนชินงั้นหรือ น่าสงสาร มิน่า ถึงชอบวาดรูปอาวุธ โลกของโตไม่เคยสวยเลยใช่ไหม" อรอินทุ์เห็นแววตาที่ปวดร้าวของโตมร
โตมรยิ้มเศร้าๆ แล้วเดินจากไป อรอินท์ตามไปขอบคุณโตมรช่วยปกป้องเธอ แต่โตมรก็ยังคงนิ่ง อรอินทุ์จึงหาทางให้โตมรยิ้มด้วยแกล้งเอาสีมามาป้ายหน้า โตมรจับมืออรอินทุ์ไว้แล้วเอาสีป้ายกลับเพื่อเอาคืน ทั้งสองไล่ล่าจะทาสีที่หน้ากันวุ่นวายอยู่ เริ่มมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ แล้วโตมรก็เผลอเหยียบผ้าลื่นล้มทับอรอินทุ์ หน้าของทั้งคู่แนบหน้าชิดกัน ทั้งสองมองกันนิ่ง อรอินทุ์ไม่เข้าใจความรู้สึกเคลิบเคลิ้มของโตมรที่หลงใหลความงามของเธอ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ใกล้กันอย่างนี้จึงร้องถามว่ามีอะไร
"ยมทูตนี่สวยเหมือนแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า" โตมรว่า
แต่อรอินทุ์ไม่เขินเพราะไม่รู้จักอารมณ์ที่เกิดขึ้นดีนัก จึงได้แต่สงสัยปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในใจของตน เธอถามโตมรต่อว่า
"แปลกจัง ใกล้ชิดกันแบบนี้ อืม ไอ้ความรู้สึกแบบนี้เรียกว่าอะไรหรือมันคล้ายไฟช็อตหน่อยๆ หน้าก็ร้อนๆ ใจเต้นด้วยน่ะ" โตมรได้ฟังก็รู้สึกตัวรีบลุกขึ้น
อรอินทุ์ลุกตามแต่ยังสงสัยไม่หายสงสัย เธอจับหน้าตัวเองแล้วเลยไปจับหน้าโตมรด้วย
"นี่ไง หน้าโตก็ร้อนนะ ร้อนเหมือนกันเลย" โตมรเก้อเขินอ้างว่ามีงานต้องทำแล้วเดินหนี
อรอินทุ์มองตามแล้วแต่ก็ยังสงสัยอาการแปลกๆ ของตัวเองไม่หาย
"ใจยังเต้นอยู่เลย เป็นอะไร" อรอินทุ์จับที่หัวใจตัวเอง
โตมรซ่อมภาพวาดของรุจที่ถูกแสงทำลายเสร็จ ก็ชวนอรอินทุ์ที่กำลังเพลิดกับการจดจำและทดลองชิมดอกไม้ผลไม้หลากหลายชนิดไปเยี่ยมแขไขที่โรงพยาบาลด้วยกัน เพราะคิดว่าถ้าแขไขได้เห็นภาพรุจอาจจะมีอาการดีขึ้น ส่วนแสงที่ยังคงเฝ้าดูแขไขอยู่ไม่ห่างเห็นโตมรนำภาพรุจมาให้แขไขดูก็ยิ่งแค้น แล้วแสงก็ได้ยินโตมรบอกกับอรอินทุ์ว่าจิรัชย์หรือนายแสงของอรอินทุ์เชื่อมั่นในตนเองมาก เพราะเขาเคยบอกกับรุจว่า ความรักเป็นเรื่องไร้สาระ ขอให้เขาได้อยู่กับย่าแขสักปีหนึ่งเขาจะทำให้ย่าแขลืมรุจได้ แต่ตลอดสามสิบปีที่อยู่ด้วยกัน ย่าแขไม่เคยลืมรุจเลย
"30ปีแห่งการละทิ้งทุกอย่าง เพื่อความรัก" แสงรำพึงแล้วนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต เพราะเขาดูแลและเอาใจใส่แขไขอย่างดีเพราะหวังให้เธอลืมรุจ แต่แขไขกลับไปเก็บตัวอยู่ในเรือนท้ายสวนแล้วแอบวาดรูปรุจ จิรัชย์ตามไปพบเข้าก็โกรธมาจึงทำลายรูปทิ้ง
"ย่าแขวาดรูปของรุจเป็นร้อยๆ ภาพ ย่าแขไม่เคยลืมรุจ หมอใหญ่คงเสียใจมาก" โตมรหันมาคุยกับอรอินทุ์
อรอินทุ์ออกความเห็นว่า คงเป็นครั้งแรกที่คนเก่งอย่าหมอจิรัชย์ต้องพ่ายแพ้ แสงได้ฟังก็น้ำตาคลอเพราะทั้งคู่พูดถูก
"หมอใหญ่ช่วยคนให้มีชีวิตรอดได้ เขานึกว่าเขาทำทุกอย่างได้ในโลกนี้ แต่เขาทำให้ย่าแขลืมรุจไม่ได้" โตมรพูดต่อ
"ความรู้สึกรัก มันเป็นยังไงหนอ ทำไมเข้าใจยากอย่างนี้" อรอินทุ์ถอนใจ
โตมรถือรูปของรุจเข้ามาใกล้แขไขแล้วบอกว่า "ย่าแข ผมเอารูปของรุจมาให้ย่าแข ย่าแขจำรูปนี้ได้ใช่ไหม"
อรอินทุ์เห็นนิ้วของแขไขขยับก็ดีใจรีบร้องบอกโตมร โตมรเอารูปเข้าไปชิดนิ้วย่าแข แต่เธอไม่อาจจับรูปได้จึงร้องไห้ออกมา แสงเห็นแขไขร้องไห้ก็ยิ่งเจ็บช้ำจึงเมินหน้าหนี แล้วโตมรก็ประกาศตัวว่า เขากับอรอินทุ์จะช่วยกันตามหาคนชื่อรุจมาให้แขไขให้ได้ อรอินทุ์ยืนตะลึงถามโตมาว่าแน่ใจหรือ
"เราเข้าใจความเจ็บปวดของรุจ และอยากทดแทนบุญคุณย่าแขตัวเล็กอย่าลังเลเลยนะ ช่วยกันออกตามหารุจมาให้ย่าแขเถอะ อย่างที่ตัวเล็กบอกนั่นล่ะ ย่าแขกำลังรอรุจ ถ้าย่าแขได้พบรุจ ย่าแขอาจจะหายป่วย"
"โตรู้ใช่ไหม กำลังรับมือกับอะไร" อรอินท์พูดจบไฟในห้องก็ติดๆ ดับๆ แสง แสงเพ่งมองมาที่ทั้งสองด้วยความโกรธ อรอินทุ์กระซิบบอกโตมรว่า แสงอยู่ในห้องนี้ แสงมองภาพตรงหน้า เห็นแขไขกับภาพของรุจ และชายหนุ่มหญิงสาวที่ประกาศความเป็นศัตรูกับตน ก็หัวเราะ
"ฮะฮะฮ่า ใช่ฉันอยู่ ฉันกำลังหัวเราะเยาะไอ้มนุษย์ตัวน้อยโง่เง่าอย่างแกสองคน พวกแกมันรนหาที่ แกกล้าสู้กับฉันงั้นหรือ มนุษย์ตัวเล็กอย่างแกเนี่ยนะ ฮะฮะฮ่า"
"ย่าแข ถ้าดวงจิตของย่าแขให้พลังงานตัวเล็กจนกลายเป็นคนขึ้นมาได้ ขอให้ย่าแขช่วยคุ้มครองเราสองคนด้วยนะครับ" โตมรบอกกับแขไข
"คุ้มครอง ฮะฮะฮ่า แม้แต่ตัวแขไขเอง เขาจะตายด้วยมือฉันเมื่อไหร่ก็ได้ นับประสาอะไรกับแกสองคน ฮะฮะฮ่า"
แสงหัวเราะอย่างขมขื่นขม ไฟในห้องกะพริบติดๆ ดับๆ อีกครั้ง เครื่องต่างๆ รอบตัวของแขไขสั่นร้องปี๊ดป๊าด ไร้เหตุผล โตมรกับอรอินทุ์กลัวมากแต่ใจยังสู้แล้วโตมรจับมืออรอินทุ์ไว้แล้วประกาศเสียงกร้าว
"ขอให้การค้นหารุจครั้งนี้ปลอดภัย ขอให้ความเห็นแก่ตัวจงแพ้พ่าย ขอให้ความรักจงชนะความแค้น"
"ความรักหรือฮะฮะฮ่า ความรักจะชนะความแค้นได้ยังไง ในเมื่อความรักคือจุดเริ่มต้นของความแค้น ได้เรามาทำสงครามกัน พวกแกกับฉัน สงครามระหว่างความรักและความแค้น แล้วมาดูกัน.ว่าใครจะชนะ ฮะฮะฮ่า" แสงไม่สะทกสะท้าน
โตมรและอรอินทุ์ยืนกลางห้องจับมือกันไว้แม้หวาดหวั่นแต่ไม่ยอมแพ้ ส่วนแขไขก็น้ำตาไหลราวกับรับรู้ได้ว่ามีคนมาช่วยเหลือแล้ว
หลังงานจากศพของปกป้องผ่านพ้นไปแล้ว โตมรกับอรอินทุ์ก็เข้ามาหาพัดชาและถามเรื่องคนชื่อรุจ แต่พัดชาปฏิเสธว่าไม่รู้จัก เพราะไม่อยากให้เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นมาอีก ทำให้โตมรกับอรอินทุ์ต้องจ๋อยกลับไปและเดาเอาเองว่า แขไขกับรุจอาจจะแอบรักกันโดยไม่มีใครรู้ ส่วนทางด้านพัดชาเมื่อได้ยินชื่อรุจ เธอก็รีบกลับเข้าห้องแล้วหยิบสมุดภาพออกมาดู
"ทำไมฉันจะไม่รู้จักรุจ" พัดชาเปิดภาพรุจที่ถ่ายรวมกับแขไขและตัวเธอดูแล้วหวนนึกถึงความหลัง เมื่อครั้งที่ไปเลือกซื้อผ้าแขไขที่ในตลาด และได้รับรู้แขไขแอบนัดให้รุจซึ่งเป็นคนรักมาพบและชวนเธอเข้าไปถ่ายรูปในร้านเปิดใหม่ด้วยกัน พัดชามองรูปถ่ายด้วยความหนักใจแล้วออกไปหาแขไขที่โรงพยาบาล เธอถามพี่สาวว่า
"ชื่อของรุจ หายไปจากครอบครัวเราหลายสิบปีแล้ว จู่ๆ คนชื่อนี้กลับมาได้ยังไง พี่แขมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือเปล่าคะ"
พัดชามองหน้าแขไขแล้วก็อดนึกถึงเรื่องราวในอดีตไม่ได้เพราะเธอแอบรักจิรัชย์ แต่จิรัชย์รักแขไข เธอจึงต้องตัดใจหลีกทางให้พี่สาว และพยายามหาทางช่วยเหลือให้จิรัชย์ชายที่เธอรักสมหวัง จึงเป็นเหตุให้เธอไม่ชอบหน้ารุจนัก และเมื่อครั้งที่แขไขหนีตามรุจและได้รับบาดเจ็บ พัดชาก็เข้ามาต่อว่าพี่สาวเพราะทนเห็นจิรัชย์เจ็บปวดไม่ได้ แต่แขไขไม่เคยรับรู้เรื่องนี้จึงเข้าใจว่าพัดชาโกรธแทนพ่อที่ต้องเสียชื่อ
"ทุกครั้งที่ชื่อของรุจโผล่มา ความวุ่นวายไม่เคยจบสิ้น พัดยอมให้มันเกิดขึ้นไม่ได้"
พัดชาโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ เธอหยิบรูปที่ถ่ายสามคนที่ติดมาด้วยจากกระเป๋าแล้วฉีกทิ้งด้วยแววตาร้ายกาจ ในขณะที่แขไขก็พยายามขยับมือ เหมือนจะอยากจะบอกกับพัดชาแต่ทำไม่ได้
โตมรกับอรอินทุ์ยังคงเดินหน้าหาข้อมูลเรื่องรุจต่อไป แต่ค้นจนทั่วเรือนท้ายสวนแล้วก็ยังไม่พบอะไร โตมรจึงชวนอรอินทุ์ขึ้นไปค้นที่ห้องของแขไขบนเรือนใหญ่ เพราะวันนี้ปลอดคนเนื่องจาก จิรายุกับปัณรสีมารับพัดชาไปพบแพทย์ตามนัด ส่วนกัญญาก็ออกไปจ่ายตลาด แต่โชคไม่ช่วย เพราะพัดชาลืมยาไว้จึงสั่งให้จิรายุขับรถกลับบ้าน ปัณรสีเห็นโตมรกับอรอินทุ์กำลังรื้อค้นห้องแขไขก็ร้องโวยวายแล้วกล่าวหาว่าทั้งคู่เป็นขโมย
เอื้อเฟื้อรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นก็รีบกลับมาช่วยโตมร เพราะไม่เชื่อคำพูดของปัณรสี และเป็นเหตุให้เอื้อเฟื้อมีปากเสียงกับปัณรสี โตมรเห็นว่าเรื่องราวชักไปกันใหญ่จึงสารภาพว่า
"ผมต้องการค้นของบางอย่างไปช่วยย่าแขครับ เพราะย่าแขพยายามสื่อสารกับเรา ท่านอยากพบเพื่อนเก่าที่ชื่อรุจ ผมก็เลยอยากได้ที่อยู่ของรุจ เพื่อไปตามให้คุณรุจมาพบย่าแข"
โตมรรีบพูดเพราะกลัวอรอินทุ์จะแทรกขึ้นมา พัดชาได้ฟังก็ตกใจ แต่ปัณรสียังไม่ยอมเชื่อจึงโวยวายอีกรอบ แต่ก็โดนเอื้อเฟื้อสวนกลับ จิรายุจึงรีบสรุปว่า
"เอาอย่างนี้ เพื่อพิสูจน์ว่าสองคนนี้ขโมยของหรือเปล่าเราขึ้นไปบนห้องย่าแข และห้องปกป้อง ให้ทุกคนในบ้านช่วยกันดูว่ามีของหายหรือเปล่า" ทุกคนยอมทำตาม
ในที่สุดโตมรกับอรอินทุ์ก็พ้นข้อกล่าวหา แต่ปัณรสีไม่ยอมเลิกราเธอยุให้พัดชาไล่โตมรออกจากบ้าน พัดชานึกระอาจึงตัดบทว่า คนที่รับโตมรเข้ามาคือแขไข ดังนั้นคงมีแต่แขไขเท่านั้นที่ไล่โตมรได้ ทำให้ปัณรสีต้องผิดหวัง
"เรื่องที่นายโตพูดว่า ย่าแขจะหาย ถ้าได้เจอคนชื่อรุจ" จิรายุยังคาใจ แต่พัดชารีบสรุปว่า
"เหลวไหล ถ้าคนชื่อรุจสำคัญขนาดนั้น ฉันเป็นน้องสาว ทำไมไม่รู้จักล่ะโต ตัวเล็ก งานนี้ย่าว่าเราสองคนก็ผิดนะ คิดจะทำอะไรทำไมไม่บอกผู้ใหญ่ก่อน" พัดชาหันมาตำหนิ
โตมรรีบยกมือไหว้ขอโทษ พัดชาจึงสั่งต่อว่า "ต่อไปนี้เลิกพูดเรื่องคนชื่อรุจในบ้านหลังนี้อีก ในเมื่อย่าบอกว่าไม่มี คือไม่มี เข้าใจไหม" โตมรกับอรอินทุ์รับคำแต่อดแปลกใจไม่ได้
เอื้อเฟื้อยังข้องใจเรื่องที่โตมรบอกกับพัดชาจึงตามมาถาม โตมรอ้างว่า อรอินทุ์มีสัมผัสพิเศษบางอย่างจึงอยากทดลองดูเพื่อแขไขจะฟื้น เอื้อเฟื้อเห็นความตั้งใจจริงของโตมรกับอรอินทุ์ก็รีบเตือนเรื่องให้ระวังตัว เพราะปัณรสีจ้องจะเล่นงานอยู่ แล้วกัญญาก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาตามทุกคนบอกว่าที่เรือนใหญ่เกิดเรื่อง เพราะรวีพ่อของรวิชามาบอกจิรายุว่ารวิชาตั้งท้องลูกของปกป้อง แต่ปัณรสีไม่ยอมรับแถมยังโวยใส่รวี
เอื้อเฟื้อรีบเดินนำโตมรกับอรอินทุ์ไปที่เรือนใหญ่ และทันได้ยินปัณรสีพูดจาดูถูกรวีและรวิชา เพราะกลัวสองพ่อลูกจะมาแบ่งมรดกส่วนที่เป็นของปกป้อง รวีโกรธมากจึงโต้กลับปัณรสีว่า เขานึกแล้วว่า ปัณรสีต้องพูดแบบนี้ จึงสองจิตสองใจอยู่นานว่าควรมาบอกทุกคนไหมว่า รวิชาตั้งท้อง
"คุณต้องเห็นใจเรานะคะ ไม่มีใครในบ้านนี้รู้จักรวิชาสักคน ที่สำคัญ ปกป้องไม่เคยบอกใครว่ามีแฟน" ปัณรสีอ้าง
"แต่พี่ป้องเคยบอกเล็กค่ะ" อรอินทุ์โพล่งออกมา
โตมรรีบดึงไว้พลางดุให้อยู่เงียบๆ อรอินทุ์จ๋อย เอื้อเฟื้อเดินเข้าไปไหว้รวีพร้อมช่วยยืนยันว่า
"เอื้อกับโตรู้จักพี่รวิชาค่ะ เราเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันทั้งหมดและเคยเรียนคุณพ่อไปแล้ว ว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักกัน"
"แล้วไง เป็นคู่รัก แต่ปกป้องไม่เคยพาเข้าบ้าน เราจะรู้ได้ยังไงว่าเด็กในท้องนั่นเป็นลูกของปกป้อง รู้ได้ยังไงว่าแม่หนูคนนี้ไม่ได้คิดจะแบล๊กเมล์ครอบครัวเรา" ปัณรสีไม่รับฟัง
รวีสุดทนจึงลุกขึ้นโวยวาย "คุณพูดจาดูถูกผม คนอย่างผมทำไมต้องแบล๊กเมล์พวกคุณ"
จิรายุรีบไกล่เกลี่ยแล้วขอโทษแทนปัณรสีแต่รวีไม่สนเขาประกาศว่า "ผมมาบอกคุณเพราะเห็นแก่เด็กในท้อง ผมอยากให้เขามีพ่อ อย่างน้อยก็รู้ว่าพ่อของเขาเป็นใคร ในเมื่อพวกคุณคิดอย่างนี้ ลูกผม หลานผม ผมเลี้ยงเองได้ คิดๆ ไป ถือเป็นโชคดี ที่ปกป้องตายไปเสียก่อน ลูกสาวผมเขาจะได้ไม่ต้องเข้ามาอยู่ในครอบครัวแบบนี้ ฮึ"
รวีเดินออกไป เอื้อเฟื้อ โตมรและอรอินทุ์รีบลุกตาม จิรายุหันมาตำหนิปัณรสีที่ทำเรื่องยุ่ง แต่ปัณรสีไม่สนเธออ้างว่าเป็นการปกป้องผลประโยชน์ต่างหาก
เอื้อเฟื้อเข้าไปกราบขอโทษรวี รวีได้แต่ส่ายหน้าแล้วรำพึงว่า "รวิชาโชคร้ายเอง เขาเพิ่งรู้ว่าท้อง ตอนที่ทั้งสองคนไปเที่ยวที่บ้านอา ปกป้องเขากราบขอขมาอา และบอกว่าจะพารวิชามาหาพ่อแม่หนู จะจัดงานแต่งงานให้เร็วที่สุด แต่ระหว่างทางก็เกิดเรื่องขึ้นซะก่อน"
"พี่ป้องพูดแบบนั้นจริงๆ ค่ะ เล็กยืนยันได้" อรอินท์ช่วยยืนยันแต่ก็โดนโตมรดุอีกตามเคย แล้วโตมรก็ช่วยเอื้อเฟื้อพูดกับรวีว่า จะหาหลักฐานมายืนยันกับทุกคนว่ารวิชาท้องกับปกป้องทำให้รวีค่อยสบายใจขึ้น
เอื้อเฟื้อพาโตมรกับอรอินทุ์เข้ามาค้นห้องปกป้อง แล้วสั่งให้ทั้งคู่ช่วยกันหาหลักฐานที่จะทำให้ทุกคนเชื่อว่าปกป้องเป็นแฟนกับรวิชา ส่วนตัวเธอเข้าไปเปิดเครื่องฯเพื่อเช็คในคอมพิวเตอร์ เพราะปกป้องเขียนจดหมายมาหาทางอีเมล์อยู่บ่อย แล้วเอื้อเฟื้อก็บังเอิญไปพบข้อความที่ปกป้องเขียนบอกไว้ว่า มีเรื่องรุจจะคุยด้วย แต่เธอไม่เข้าใจจึงอ่านเสียงดัง อรอินทุ์กับโตมรได้ยินชื่อรุจก็ถึงกับตาโตถามพร้อมกันว่า
"พี่ป้องพูดถึงคนชื่อรุจในจดหมายหรือ แล้วคนชื่อรุจเกี่ยวข้องกับพี่ป้องด้วยหรือเปล่า แล้วเกี่ยวกันได้ยังไง หรือว่าพี่ป้องไปเจอคนชื่อรุจมาแล้ว"

-
โปรดติดตามตอนต่อไป
ที่มา : http://www.oknation.net/blog/lakorn/

เธอคือชีวิต ตอนที่ 1

"คุณเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติไหมคะ ถ้าคุณคิดว่า เทวดาและผีไม่มีจริงเพราะไม่มีตัวตนแล้วไฟฟ้า ออกซิเจน คลื่นวิทยุ คลื่นโทรทัศน์ที่ไม่มีตัวตน ทำไมมีอยู่จริงล่ะ"
นั่นเป็นเสียงของอรอินทุ์ยมทูตสาวที่กำลังฝึกงานอยู่บนบนโลก เธอมองไปรอบตัวอย่างชื่นชมและเห็นบรรดายมทูตชุดดำกำลังทำหน้าที่ของตัวเองปะปนอยู่กับมนุษย์
"ฉันกำลังบอกคุณในเรื่องที่ทำใจยากหน่อย พวกเรามีอยู่จริงทั้งเทวดา และผีทั้งหลาย ฉันและคนชุดดำเหล่านี้เป็นพวกกึ่งเทวดา พวกเรามีหน้าที่ที่คุณไม่ชอบเท่าไหร่" อรอินทุ์ออกไปยืนรอที่เสาไฟฟ้า เพื่อรอรับวิญญาณนักซิ่งที่กำลังจะถึงฆาต เธอเห็นรถคันเป้าหมายวิ่งตรงมา แล้วเสียหลักล้มลงทั้งรถและคนไถลมาชนเสาไฟฟ้าที่อรอินทุ์ยืนอยู่
"มาเลย มาเลย เปรี้ยง และแล้ว คอก็หัก หัวก็เบะ ตาข้างหนึ่งหลุดกระเด็น" อรอินทุ์ล้อเลียนด้วยความขี้เล่น
"อย่าทำเล่นสิตัวเล็ก งานของยมทูตเป็นเรื่องสำคัญนะ ดูเขาสิวิญญาณที่ตกใจไร้ที่พึ่ง น่าสงสารออก" แสงยมทูตพี่เลี้ยงของอรอินทุ์เข้ามาปรามแล้วถามต่อว่า จำได้ไหมว่าต้องทำไงต่อ เพราะวิญญาณออกจากร่างแล้ว อรอินทุ์หลับตาท่องคาถาแล้วทำนิ้วเป็นวงกลมเกิดเป็นแสงสีแดงที่รอบตัววัยรุ่นคนนั้น อรอินทุ์เดินเข้าไปแนะนำตัว "ฉันชื่ออรอินทุ์เป็นยมทูต"
"ตั้งสติให้ดี ไม่ต้องตกใจ เราจะพาคุณไปยังดินแดนแห่งความตาย" แสงเข้ามาช่วยแล้วเดินนำออกไป
อรอินทุ์เดินตามพร้อมกับลากวัยรุ่นที่มีวงกลมสีแดงล้อมรอบตัวเคลื่อนไปด้วย
แสงกับอรอินทุ์พาวัยรุ่นมาถึงดินแดนแห่งความตาย เห็นมียมทูตพาคนตายมาทำพิธีข้ามน้ำเหมือนกับที่อรอินทุ์จะทำให้วัยรุ่นคนนี้ เธออธิบายกับวัยรุ่นว่า ที่นี่คือดินแดนแห่งความตายผ่านตรงนี้ไป เขาจะได้ไปสู่ภพภูมิใหม่ ตามบาปกรรมที่ทำไว้ แสงมองไปรอบๆ เห็นยมทูตชี้มือให้คนตายเดินลงไปในทะเล สีหน้าของคนพวกนั้นมีทั้งยอมรับและไม่อยากไป ร้องไห้อยู่ แต่จำต้องเดินลงไปในทะเลทีละก้าว จนน้ำทะเลสูงมิดหัว แล้วร่างคนตายเหล่านั้นก็หายมิดลงไปในทะเล อรอินทุ์ทำอย่างเดียวกันกับยมทูตคนอื่นๆ คือชี้มือไป วัยรุ่นที่มีวงกลมสีแดงบังคับอยู่จำยอมรับเดินลงไปแบบเดียวกับคนตายคนอื่นๆ อรอินทุ์ส่งยิ้มร่าเริงแล้วหันมาถามแสงว่า ยมทูตฝึกหัดอย่างเธอทำงานใช้ได้ไหม
"ใช้ได้ ถ้าไม่ติดว่าเป็นยมทูตที่ขี้เล่นเกินไป อย่าล้นให้มากนักสิครับ" แสงจับหัวอรอินท์เขย่าอย่างอ่อนโยน อรอินทุ์ยิ้มสดใสผิดกับยมทูตคนอื่นที่ส่วนใหญ่เงียบขรึม
หลังจากเสร็จภารกิจอรอินทุ์ก็มาเดินเล่นที่สวนสาธารณะ เพื่อดูพฤติกรรมของผู้คนเพราะใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นมนุษย์บ้าง เพื่อจะได้รับรู้ถึงความรู้สึกต่างๆ โดยเฉพาะความรัก และวันนี้อรอินทร์ก็ได้พบกับโตมรที่กำลังยืนวาดรูป ดาบโบราณที่แขวนอยู่บนต้นไม้ อรอินทุ์สนใจจึงเดินเข้าไปดูแล้วแอบแกล้งโตมร แต่เขาไม่รู้สึกเพราะไม่เห็นตัวเธอ อรอินทุ์หัวเราะสะใจแล้ววิ่งไปนอนบนพื้นหญ้าตะโกนบอกท้องฟ้า
"ต้นไม้ ดอกไม้จ๋า ฉันอยากรู้จักพวกเธอ อยากสัมผัสและดมกลิ่นพวกเธอ ฉันอยากเป็นมนุษย์ที่สุดเลย"
โตมรกลับมาถึงบ้านเห็นกัญญากำลังขนข้าวของลงมาจากแท็กซี่ จึงเข้าไปช่วยแล้วเลยอยู่ช่วยกัญญากับคนใช้ในบ้านเตรียมอาหารเย็นให้ทุกคนบนเรือนใหญ่ เอื้อเฟื้อลงมาเห็นก็ร้องห้ามเพราะโตมรอยู่ในบ้านนี้ในฐานะลูกหลานไม่ใช่คนใช้ ปกป้องพี่ชายของเอื้อเฟื้อประคองพัดชาลงมาเห็นโตมรก็เอ่ยทักอย่างเป็นกันเอง พัดชาร้องห้ามโตมรแล้วสั่งให้นั่งรอทานข้าวพร้อมกัน แต่โตมรไม่ฟังเขายังคงช่วยกัญญาเตรียมอาหารต่อ
"นี่แก ฉันบอกให้นั่งลง ฉันจะได้เมาท์ด้วย" เอื้อเฟื้อสั่ง แล้วเสียงของปัณรสีแม่เลี้ยงของปกป้องและเอื้อเฟื้อก็ดังขึ้น "โตมรเขาเป็นเด็กกตัญญู บ้านเราอุปการะให้ที่อยู่ ที่อาศัย เขาก็อยากตอบแทน ถ้านายโตเขาอยู่ที่วัดกับหลวงตา ก็ต้องทำงานหนักกว่านี้ แถมไม่ได้อยู่บ้านใหญ่โตเท่านี้ จริงไหมคะ" ปัณรสีเดินเข้ามาพร้อมกับจิรายุพ่อของปกป้องและเอื้อเฟื้อ โตมรก้มหน้าหลบอย่างเจียมตัว ปกป้องและเอื้อเฟื้อชักสีหน้าไม่พอใจปัณรสี พัดชากระซิบบอกปกป้องว่า มีบทให้เล่นตั้งเยอะ แต่ปัณรสีชอบเล่นบทแม่เลี้ยงใจร้าย ปกป้องจึงชี้ให้ปัณรสีดูรูปถ่ายของครอบครัวที่ติดอยู่ข้างฝาแล้วเอ่ยว่า
"นายโตเขาเหมือนครอบครัวเรา มีย่าแข ย่าพัดพ่อ แม่...เลี้ยง มีผมปกป้องเป็นพี่ใหญ่เอื้อเฟื้อเป็นน้องรอง และโตมรเป็นน้องเล็ก ถูกไหมครับคุณย่าพัด" ปกป้องหันมาหาพัดชา
"ก็ต้องเป็นอย่างนั้น ย่าแขเขาเอ็นดูนายโตเขา ย่าแขเป็นเจ้าของบ้านนี่ พูดแล้วก็คิดถึง" พัดชาเสียงเศร้า
"คิดถึงพี่สาวอีกแล้ว เดี๋ยวก็พาลกินไม่ลง หมอเดี๋ยวนี้เก่ง ป้าแขคงไม่เป็นไรหรอกครับคุณแม่ ทานข้าวเถอะ" จิรายุรีบเปลี่ยนเรื่อง
"นั่นสิคะ ปัณกับคุณจิราอุตส่าห์แวะมาทานข้าวกับคุณแม่ นี่ต้องรบเร้าตั้งนานกว่าจะยอมลงมาจากเชียงใหม่นะคะ อ้างว่าติดงาน"
ปัณรสีรีบทำคะแนนให้สามี แต่จิรายุไม่มองหน้าแม่ เขาก้มหน้าทานอาหารเงียบๆ เพราะลึกๆ แล้วความสัมพันธ์กับแม่มีปัญหา
โตมรพาพัดชามาเยี่ยมแขไขพี่สาวที่นอนป่วยเป็นเจ้าหญิงนินทรามานานกว่าสองปี เพ็ญพยาบาลพิเศษที่จ้างมารีบรายงานอาการของแขไขให้พัดชา ฟังพร้อมออกความเห็นว่า
"หมอและพยาบาลยังงงเลย คนอะไรไม่มีอุบัติเหตุ ไม่เจ็บป่วย จู่ๆ เข้านอน แล้วหลับยาวไปเลย จะว่าเป็นโรคอะไรก็ไม่ชัดเจน" พัดชาถอนใจ แล้วก้มลงบอกกับแขไขว่า
"พี่แข พัดมีพี่สาวคนเดียวนะคะ ไม่ว่าดวงจิตของพี่จะไปเที่ยวอยู่ที่ไหน กลับมาหาน้องบ้างเถอะ อย่างน้อยมาล่ำลากันก็ยังดี" และที่หน้าห้องแสงยมทูตพี่เลี้ยงของอรอินท์ก็กำลังยืน มองแขไขอยู่เช่นกัน แววตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความรักและห่วงใย อรอินทุ์ตามมาเห็นแสงยืนเฝ้าแขไขก็แปลกใจจึงเข้าดูในห้อง และทันทีที่อรอินทุ์เข้าไปใกล้แขไข ดวงตาของแขไขเลื่อนไปมาทันที และมีปฏิกิริยาที่เครื่องต่างๆ เพราะอรอินทุ์มีพลังชีวิตที่เชื่อมโยงกับแขไขได้ เพ็ญแปลกใจรีบลุกขึ้นไปดูเครื่องมือต่างๆ โตมรร้องถามว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า เพ็ญส่ายหน้าตอบว่า อยู่ในเกณฑ์ที่พอรับได้
อรอินทุ์เห็นหน้าโตมรก็จำได้ เธอหันมาถามแสงว่า จะมารับคุณยายที่นอนอยู่บนเตียงหรือ แสงส่ายหน้าอธิบายว่า เธอชื่อแขไข อรอินทุ์พอจะเข้าใจจึงซักต่อว่า ผู้หญิงคนนี้ใช่ไหมที่แสงเล่าให้ฟังว่ามาหาเธอทุกวัน แสงส่งยิ้มสดใสแทนคำตอบ และเป็นจังหวะเดียวกับที่พัดชาหยิบรูปเก่าๆ ของหมอจิรัชย์สามีของแขไขออกมาจากกระเป๋า แล้วชวนแขไขคุยเพราะหวังกระตุ้น
"ดูอะไรสิคะ พี่แข รูปพี่ใหญ่ใส่สูทตอนจะไปประชุมที่ปีนัง วันนั้นพัดจัดของพี่ใหญ่เลยไปเจอเข้า เลยเอามาอวดพี่แข สามีของพี่โก้ที่สุดเลยนะคะ"
อรอินทุ์มองรูปในมือพัดชาแล้วก็ตะลึงไปเพราะชายในภาพก็คือแสงนั่นเอง แสงจึงเล่าให้อรอินทุ์ฟังในว่า ในอดีตชาติเขาคือนายแพทย์จิรัชย์เป็นสามีของแขไข และตายด้วยโรคมะเร็งแล้วมาเกิดเป็นยมทูตชื่อแสง ในอดีตเขากับแขไขรักกันมาก ทั้งคู่แต่งงานใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจนถึงวาระสุดท้ายแต่ไม่มีลูก แขไขเลยชวนพัดชากับลูกๆ เข้ามาอยู่ด้วยกัน จนกระทั้งจิรัชย์ป่วยหนักใกล้ตาย เขาได้สั่งเสียแขไขว่า
"ผมจะรอคุณ ไม่ยอมข้ามน้ำไป ผมจะได้ไม่ลืมคุณ ผมจะจำคุณได้ และเมื่อถึงเวลาของคุณ ผมจะมารับคุณด้วยตัวผมเอง รับไปอยู่ด้วยกัน ทุกๆ ชาติ ทุกๆ ภพ ทุกๆ ชาติ ทุกๆ ภพ"
และด้วยเหตุนี้เองแสงจึงต้องมาอยู่ที่ดินแดนแห่งความตายและกลายเป็นยมทูต ที่จดจำอดีตชาติของตนได้ทุกอย่าง
"อื้อหือ คุณแสงรักคุณแขไขจริงๆ เลยนะคะ นี่เล็กคงไม่เคยรักใครนะคะ ถึงจำอะไรไม่ได้สักอย่างเดียว เนื้อคู่ของเล็กเป็นใครกันน้า คิดถึงเล็กบ้างไหม"
อรอินทุ์นึกถึงตัวเอง และเวลาเดียวกันนั้นโตมรก็จามขึ้นมา เขาบอกกับตัวเองว่า สงสัยจะมีใครบ่นถึง แล้วเอื้อเฟื้อก็โทรมาบอกข่าวร้ายกับโตมรว่า ปกป้องรถคว่ำตอนนี้มีคนพาไปส่งโรงพยาบาลแล้ว และขอร้องให้โตมรช่วยตามไปดูแล เพราะเธออยู่ต่างจังหวัดและกำลังจะรีบกลับไป โตมรรีบผลุนผลันออกไปทันที
ในห้องไอซียู หมอและพยาบาลกำลังช่วยกันยื้อชีวิตปกป้องไว้แต่ก็ทำไม่สำเร็จ อรอินทุ์เดินเข้ามาหาปกป้องเพื่อทำหน้าที่ยมทูต แต่พอได้ยินปกป้องเรียกหา รวิชาคนรักที่นั่งรถมาด้วยเพราะเธอเพิ่งจะบอกข่าวดีว่าตั้งท้องก็ชักใจอ่อน แสงเห็นท่าไม่รีบดุอรอินทุ์ อรอินทุ์จึงจำใจทำหน้าที่ต่อ
"ถึงเวลาของคุณแล้ว ไม่มีใครหลีกเลี่ยงเงื้อมมือมัจจุราช มากับเราเถอะ"
อรอินทุ์เสกบ่วงบาศแดงรัดตัวปกป้อง วิญญาณของปกป้องลอยตามแสงและอรอินทุ์ออกไป แต่เมื่อทั้งสามมาถึงหน้าห้องแขไข แสงก็อดหันไปมองในห้องไม่ได้ เขานึกแปลกใจที่ไม่เห็นเพ็ญอยู่ในห้องจึงหยุดดู และเห็นว่าสัญญาณต่างๆ ของแขไขดูผิดปรกติ จึงหันมาเปรยกับอรอินท์ว่า "แขไขตื่นเต้นเพราะคุณนะตัวเล็ก คราวที่แล้วก็ครั้งหนึ่งแล้ว"
"เพราะเล็กเนี่ยนะคะ เล็กไม่รู้จักเขานี่คะ ไม่เหมือนคุณสองคนสักหน่อย" อรอินทุ์ไม่เชื่อจึงเดินทะลุห้องเข้าไปพิสูจน์ และยิ่งเธอเข้าไปใกล้แขไข สัญญาณต่างๆ ยิ่งแปลกขึ้น
"ยิ่งฉันเข้าไปใกล้ยิ่งดูเหมือน" อรอินทุ์พูดได้เท่านั้น แขไขก็ลืมตาตื่นขึ้นแล้วเอื้อมมือมาจับที่ข้อมือของอรอินทุ์เพื่อถ่ายทอดพลังบางอย่าง
อรอินทุ์รู้สึกเหมือนโดนไฟช็อต เธอสะดุ้งเฮือกร้องเรียกให้แสงช่วย แต่แสงทำไม่ได้ เขาสั่งให้อรอินทุ์สะบัดตัวให้หลุดเพราะ ยมทูตเชื่อมต่อกับพลังชีวิตของคนปรกติไม่ได้
"มะ ไม่ทำไม่ได้" อรอินทุ์ใกล้หมดแรง แขไขดึงมือของอรอินทุ์อีกข้างมาจับไว้
อรอินทุ์ได้ยินแขไขบอกว่า "ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย" แล้วร่างของเธอก็กระเด็นออกไปชนฝาผนัง
เพ็ญได้ยินเสียงดังมาจากในห้องแขไขจึงรีบเข้าไปดู ก็พบอรอินทุ์นอนหมดสติอยู่ที่พื้นจึงเข้าไปช่วยปฐมพยาบาล อรอินทุ์รู้สึกตัวก็ระบมไปทั้งร่างและรับรู้ว่าตัวเองเธอกลายเป็นมนุษย์ไปแล้ว เธอร้องเรียกแสงเพราะมองไม่เห็นเขาแล้ว แสงเองไม่รู้จะช่วยอรอินทุ์ได้อย่างไรเพราะสัญญาณที่บ่วงบาศเตือนให้รีบพาปกป้องไปที่ดินแดนแห่งความตายก่อนที่วิญญาณของเขาจะหลุดลอย เขาจึงได้แต่บอกเธอว่า
"แล้วผมจะกลับมาช่วยคุณนะ" แสงรีบพาปกป้องไป แต่อรอินทุ์ไม่ได้ยินคำพูดของแสงแววตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดวิตก
เพ็ญพาอรอินทุ์ออกมาส่งนอกห้อง เพราะเข้าใจว่าเธอเป็นผู้ป่วยแผนกจิตเวช และในระหว่างที่อรอินทุ์กำลังสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอก็พบกับโตมรนั่งร้องไห้อยู่ที่ริมทางเดิน เพราะเพิ่งรู้ว่าปกป้องจากทุกคนไปแล้ว อรอินทุ์รีบเข้าไปหาโตมรพร้อมเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเธอให้ฟัง เพราะหวังจะหาที่พึ่ง แต่โตมรไม่เชื่อจึงตวาดใส่ แล้วเดินหนี อรอินทุ์นึกอะไรขึ้นได้จึงลากโตมรไปหาแขไขที่ในห้องด้วยกัน โตมรเห็นแขไขมีสีหน้าดีขึ้นและขยับนิ้วขึ้นลงได้ก็แปลกใจ อรอินทุ์รีบบอกกับโตมรว่าที่แขไขเป็นแบบนี้ก็เพราะ มีพลังชีวิตมากขึ้นส่วนเธอต้องการกลายเป็นมนุษย์ โตมรฟังแล้วก็งงถามย้ำว่า อรอินท์เป็นใครกันแน่
"ก็บอกแล้วไงว่ายมทูต" อรอินท์ตอบแล้วพูดกับตัวเองว่า "เอาไงต่อดีนะ คิดสิคิด เอาล่ะ ลองใหม่ ถ้าเราเชื่อมต่อกับคุณแขไขอีกครั้ง เราอาจจะกลับไปที่โลกของเราได้"
อรอินทุ์ตั้งใจเดินเข้าไปจับมือแขไขช้าๆ ทันทีที่มือแตะกัน แขไขดูดพลังอรอินทุ์ ชาร์ตไฟต่อกันทันที ไฟในห้องติดๆ ดับๆ อีกครั้ง โตมรเห็นทุกอย่างก็ตกใจมาก แขไขจับมือทั้งสองข้างของอรอินทุ์ไว้แล้วบอกว่าให้ อรอินทุ์ไปตามหารุจ แล้วร่างของอรอินทุ์ก็เซถลา โตมรวิ่งเข้ามารับ เป็นจังหวะเดียวกับที่เพ็ญเข้ามาถึงพอดี พอเห็นหน้าอรอินท์ก็จำได้ จึงรีบพาไปปฐมพยาบาลอีกรอบ และเข้าใจว่าโตมรกับอรอินท์รู้จักกัน
อรอินทุ์รู้สึกตัวรีบลุกพรวดขึ้นจากเตียงแล้วถามโตมรว่ายังเห็นเธอยู่ไหม โตมรพยักหน้ารับ อรอินทุ์ลองทุบหน้าตัวเองเพื่อทดสอบ แล้วก็ร้องโอ๊ยเพราะเจ็บ
"มาเจอเด็กสมองเสื่อมเข้าแล้ว เอ้อ คุณ ในเมื่อคุณหายดีแล้ว ผมไปล่ะนะ วันนี้ญาติผมเสีย ผมยังมีเรื่องต้องทำอีกมาก"
โตมรเดินหนี อรอินทุ์รีบวิ่งตามไปดักหน้าพร้อมแนะนำตัวอีกครั้ง โตมรบอกชื่อตัวเองแล้วจะเดินหนีอ้างว่า ยังมีเรื่องต้องทำอีกมาก เพราะเพิ่งเสียปกป้องพี่ชายไปแล้วสั่งให้อรอินทุ์หายตัวกลับได้แล้วเพราะเธอเป็นยมทูต
"นี่คุณล้อฉันนี่" อรอินทุ์วิ่งตามโตมรไปและได้พบกับเอื้อเฟื้อและปัณรสีที่เพิ่งเดินทางมาถึง โตมรบอกกับทั้งคู่ว่าปกป้องเสียแล้ว ปัณรสีแสร้งบีบน้ำตาทำเป็นเสียอกเสียใจ โตมรพาทั้งคู่ไปดูศพปกป้องและมีอรอินทุ์ตามไปด้วย อรอินทุ์ก็บอกกับเอื้อเฟื้อว่า เธอมาทันได้ส่งปกป้องเพราะรู้สึกสงสารคนในครอบครัวนี้ ปัณรสีหยุดร้องไห้หันมาตวาดใส่อรอินท์
"เธอเป็นใคร แฟนนายโตหรือ" โตมรตาเหลือก
อรอินทุ์คิดๆ แล้วพยักหน้ารับตอบเสียงดังฟังชัดว่าใช่ เอื้อเฟื้อรีบถามต่อว่า ปกป้องเจ็บปวดทรมานมากไหม
"ไม่หรอกค่ะ คนเข้าใจไปเองว่าความตายเจ็บปวด เชื่อเล็กเถอะค่ะ เล็กเห็นกับตา พี่ป้องไปสบายแล้ว เขาเข็มแข็งมาก น่าภูมิใจออกค่ะ" อรอินทุ์ตอบ
เอื้อเฟื้อพยักหน้าแล้วน้ำตาก็ทะลักออกมา โตมรรีบลากอรอินท์ออกมาจัดการ เพราะไม่พอใจที่เธอทำตัวจุ้นจ้านประหนึ่งเป็นคนในครอบครัว แต่อรอินทุ์กลับย้อนโตมรว่า
"ครอบครัวคุณปกป้องก็เหมือนครอบครัวคุณแสง เพราะคุณแสงเป็นสามีของคุณย่าแข ก็เหมือนครอบครัวเดียวกับเล็กนั่นล่ะ เพราะเล็กเปรียบเสมือนน้องสาวของคุณแสง"
"คุณแสง" โตมรงง
"ก็ยมทูตพี่เลี้ยงของเล็กเอง เออ ทำไมนะ ทำไมคุณแขไขเจอกับคุณแสงมานาน ไม่เอาไฟฟ้าไปปล่อยให้คุณแสง คุณแสงจะได้กลายเป็นคน แล้วเอาไฟฟ้ามาปล่อยให้เล็กทำไม แถมยังขอความช่วยเหลือเล็กด้วย"
อรอินทุ์นึกทบทวนแล้วก็จำได้ว่า แขไขสั่งให้เธอตามหาคนชื่อรุจ เธอจึงเดาเอาเองว่าถ้าหาคนชื่อรุจเจอก็อาจจะได้กลับเป็นยมทูตตามเดิม อรอินท์จึงหันกลับมาถามโตมร แต่ชายหนุ่มเดินหายไปแล้ว อรอินทุ์รีบตามไป และขอไปพักอยู่กับโตมรด้วยเพราะยังไม่คุ้นเคยกับโลกใบใหม่ แต่โตมรเข้าใจว่าอรอินทุ์เป็นบ้าจึงหลอกไปหายามเพื่อจับตัวส่งแผนกจิตเวช แต่อรอินท์ก็เอาตัวรอดมาได้ เธอตามโตมรมาที่ห้องน้ำเพราะอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมาบ้าง และการเข้าห้องน้ำครั้งแรกของเธอก็สร้างความแตกตื่นให้กับคนรอบข้างไม่น้อย
ทางด้านโตมรเมื่อเห็นอรอินท์หายไปก็โล่งใจเตรียมจะหนี แต่อรอินท์มาดักหน้าไว้แล้วถามว่า โตมรกลัวเธอหรือถึงคิดหนี โตมรกลัวเสียฟอร์มจึงยอมพาอรอินทุ์กลับบ้านไป อรอินทุ์ตื่นเต้นมากที่ได้นั่งรถยนต์เป็นครั้ง โตมรเห็นอาการของอรอินทุ์ก็ทำท่าเหมือนอยากตาย และเมื่อมาถึงที่บ้าน โตมรก็จะพาอรอินท์ไปพักที่เรือนใหญ่ แต่อรอินท์ไม่ยอมเธอเดินลิ่วไปที่เรือนเล็กท้ายสวนของโตมรทันที
"บ้านน่ารักจัง กระท่อมเจ้าเงาะ ชื่อบ้านหรือ" อรอินทุ์อ่านป้ายแล้วถือวิสาสะเดินเข้าไปสำรวจข้างในเพราะประตูไม่ได้ล็อค โตมรรีบตามเข้ามาแล้วออกตัวว่า อรอินท์จะพักอยู่กับเขาที่เรือนนี้ไม่ได้
"คนอย่างโตไม่ปล้ำเล็กหรอก อยู่ด้วยกันได้เพราะตัวเล็กเคยเห็นโตแล้ว โตกำลังวาดรูปในสวนน่ะ ด้วยตาของยมทูต ตัวเล็กรู้ว่าจิตใจของโตเป็นคนดี"
อรอินท์เดินสำรวจบ้านต่อและเมื่อเห็นบะหมี่ถ้วยก็ดีใจเพราะอยากกินมานานแล้ว เธอจึงขอโตมร โตมรทำหน้าเซ็งเดินหน้าเข้าไปอาบน้ำ เพราะทนเห็นภาพอรอินทุ์ที่กำลังกินบะหมี่ถ้วยด้วยท่าทางอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวไม่ได้ ส่วนอรอินทุ์ก็บอกกับตัวเองว่า ไม่มีอะไรจะมีความสุขเท่ากับการกินอีกแล้ว และเมื่อกินอิ่มแล้วอรอินทุ์ก็นอนหลับฝันไปว่า ได้กลับไปที่ดินแดนแห่งความตาย และได้พบกับแสงที่เข้ามาบอกว่า ยังหาทางช่วยเธอไม่ได้ เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับอรอินทุ์ได้อย่างไร อรอินทุ์ฟ้องแสงว่า ที่เธอเป็นแบบนี้ก็เพราะแขไขที่อยากจะสื่อสารกับเธอ แสงฟังแล้วก็ตกใจถามย้ำว่า แขไขสื่อสารกับอรอินท์ได้จริงหรือ
"ไม่ใช่สื่อสารเท่านั้น ย่าแขเหมือนต้องการความช่วยเหลือค่ะ"
แสงนึกรู้ว่าแขไขต้องทรยศตนแน่ และด้วยความโกรธเขาลืมตัวพุ่งเข้าไปเขย่าร่างอรอินทุ์ตะคอกถาม ว่าแขไขบอกอะไรกับอรอินทุ์และต้องการให้อรอินทุ์ช่วยเหลือเรื่องอะไร อรอินทุ์ตกใจท่าทางแสง แล้วก็สะดุ้งตื่นเพราะถูกหมาของโตมรเข้ามาปลุก
แสงมายืนดูแขไขที่ในห้องพร้อมกับรำลึกถึงเหตุการณ์ที่ได้พบกับแขไขเป็นครั้งแรก เพราะเขาถูกตามตัวไปรักษาพ่อของแขไขที่ป่วยหนัก และได้พบกับเธอที่จะเข้ามาดูอาการพ่อแต่พอเห็นเข็มฉีดยาก็เป็นลมล้มพับอยู่ในอ้อมกอดของเขา
"ผมรู้ตั้งแต่นาทีแรก และรู้จนลมหายใจสุดท้าย ว่าผมรักคุณ รักคุณไม่มีวันหยุดรักผมรักคุณถึงขนาดนี้ ความรักของผมยังเติมเต็มคุณไม่ได้อีกหรือ" แสงมองแขไข
ความทรงจำทุกอย่างยังกระจ่าง แล้วความโกรธก็เข้ามาแทนที่ความรักเพราะแสงรู้แล้วว่า แขไขไม่วันมีวันลืมรุจที่เป็นรักแรก เขาเอื้อมมือไปจับแก้มแขไขแล้วเอ่ยว่า
"ตัวเล็กบอกว่า คุณติดต่อเขา คุณขอความช่วยเหลือตัวเล็ก คุณติดต่อตัวเล็กทำไมไม่ติดต่อผม ทั้งที่ผมมาหาคุณทุกวันรู้ไหม วิญญาณผมอยู่ด้วยความรักของคุณ แล้วถ้าวันหนึ่งความรักนั้นเปลี่ยนเป็นความแค้น มันจะเป็นยังไงรู้ไหม"
แสงน้ำตารินเลื่อนจากจับแก้มมาจับที่คอแขไขแล้วบีบ เพราะคิดจะฆ่าเธอให้ตายเพื่อจะได้ไปอยู่ด้วยกัน แต่แขไขไม่ยอมเธอรวบรวมพลังผลักแสง
"คุณไม่ยอมมาอยู่กับผม คุณเลือกมัน คุณเลือกมันได้ ในเมื่อคุณต้องการมันมากกว่าผม ถึงขนาดใช้ตัวเล็กไปทำงานให้คุณ คุณก็อย่าคิดเลยว่าจะสมหวัง ผมเป็นยมทูตธรรมดาก็จริง แต่ผมมีพลังมากกว่าที่คุณคิด ตัวเล็กไม่มีวันได้ในสิ่งที่คุณต้องการ ไม่มีวัน" แสงตะโกนใส่แขไข ด้วยความรักที่กลายเป็นความแค้น
ในระหว่างที่อรอินท์กำลังมีความสุขอยู่กับอาหารมื้อเช้าที่โตมรเตรียมให้ โตมรก็พยายามโทรติดต่อไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อเอาตัวอรอินทุ์ไปคืนแต่ก็ไม่มีเบาะแสอะไรเลย เขาจึงหันมาสั่งอรอินทุ์ว่า
"เดี๋ยวเราต้องออกไปสถานีตำรวจ ไปอำเภอช่วยพี่เอื้อเรื่องพี่ป้อง หวังว่า ยมทูตอย่างเธอคงหาทางกลับสวรรค์ได้ภายในวันนี้นะ เพราะบอกตรงๆ เราทนเธอไม่ไหวแล้ว"
แต่อรอินทุ์ไม่สน เธอลุกเดินหนีไป โตมรจึงเดินออกไปที่รถเตรียมจะไปจัดการธุระเรื่องศพปกป้อง แต่รถเจ้ากรรมดันสตาร์ทไม่ติด เขาจึงต้องขึ้นไปบนเรือนใหญ่เพื่อจะขอยืมกุญแจรถของเอื้อเฟื้อ และได้พบกับอรอินทุ์ที่นั่งร่วมวงอยู่สมาชิกในบ้านอย่างสนิท เพราะปัณรสีแนะว่า เธอเป็นแฟนของโตมร แถมอรอินทุ์ยังขออนุญาตพัดชาอยู่ที่นี้อีกด้วย ทำให้โตมรพูดไม่ออก เพราะพัดชาอนุญาตแล้ว
อรอินทุ์เดินตามออกมาง้อโตมร เพราะรู้ว่าเขาโกรธที่เธอบอกกับทุกคนว่า เมื่อคืนนี้เธอค้างกับเขาที่เรือนท้ายสวน โตมรชี้หน้านึกอยากบีบคออรอินทุ์ แต่ก็ทำไม่ได้จึงสะบัดหน้าหนีแล้วหันไปเปิดรถเสียบสายพ่วงแบตเตอรี่รถของตนกับรถของเอื้อเฟื้อ อรอินทุ์ตามเข้ามาดูแต่พอได้ยินโตมรอธิบายเรื่อง การถ่ายเทพลังงานจากแบเตอรี่ก็เกิดไอเดีย
"นึกออกแล้ว ตัวเล็กกับคุณแขไข เหมือนแบตตารี่สองลูกนี่แหล่ะ เล็กเปลี่ยนสภาพจากยมทูตกลายเป็นคน เพราะการถ่ายเทพลังงานเหมือนแบตสองลูกนี้ ย่าแขต้องการให้เล็กทำงานให้ท่านจริงๆ ด้วย"
อรอินทุ์มีความหวัง รีบลากโตมรไปบนเรือนใหญ่เพื่อสอบถามเรื่องคนที่ชื่อรุจ แต่ก็ไม่มีใครรู้จัก โตมรเข้ามาดึงอรอินทุ์ออกไป เพราะกลัวทุกคนจะคิดว่าเธอเป็นบ้า อรอินทุ์นึกขึ้นได้ว่า ยังเหลือพัดชาอีกคนที่เธอยังไม่ได้ถามจึงเข้าไปหาพัดชาที่ในห้อง แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากก็ถูกแสงขัดขวางและหวิดโคมไฟหล่นใส่ แต่โชคดีที่โตมรช่วยไว้ทัน แสงเห็นแผนการผิดพลาดก็รีบหายตัวหนีไป ส่วนอรอินท์ก็ตกใจจนหมดสติ
อรอินทุ์ได้พบกับแสงในความฝัน แสงเข้ามาทำร้ายเธอและสั่งห้ามไม่ให้ตามหารุจ อรอินทุ์ตกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของแสง แต่แสงก็ยังขู่ต่อว่า
"ถ้าเธอยังรักและเคารพฉันอยู่ อย่าตามหาคนชื่อรุจ อย่าช่วยแขไข อย่ายุ่งเรื่องรุจเด็ดขาด ไม่งั้น เพื่อนอย่างฉันจะกลายเป็นศัตรูของเธอ ได้ยินไหมอรอินทุ์ ได้ยินไหม" แสงบีบคออรอินทุ์
อรอินทุ์ดิ้นทุรนทุรายก่อนจะได้สติลุกขึ้นมานั่ง โตมรเข้ามาดูแล้วเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง ทำให้อรอินทุ์มั่นใจว่าเป็นฝีมือของแสงแน่ แต่เธอไม่ยอมบอกเรื่องนี้กับพัดชา
อรอินทุ์ครุ่นคิดหนักเรื่องแสง เธอหันมาบ่นกับโตมรที่เดินตามออกมา แต่โตมรไม่ยอมเชื่อเพราะคิดว่าเธอความจำเสื่อมจึงเดินหนีขึ้นรถ อรอินทุ์รีบตามไป โตมรจำต้องพาอรอินทุ์มาช่วยงานที่วัด แต่ก็ต้องคอยคุมไม่ให้เธอคลาดสายตา เพราะกลัวจะเกิดเรื่อง อรอินท์ยังคงคาใจเรื่องคนชื่อรุจ จึงหาทางจะไปสอบถามเรื่องนี้กับพัดชา และหลังจากพระสวดเสร็จแล้ว จิรายุก็ขอให้เอื้อเฟื้อกับโตมรเป็นตัวแทนไปเยี่ยมรวิชาคนรักของปกป้อง เพราะเพิ่งรู้ว่าเธอนั่งรถมากับปกป้องด้วย เอื้อเฟื้อกับโตมรรีบรับปาก
เช้าวันต่อมา โตมรกับเอื้อเฟื้อพาอรอินท์มาเยี่ยมรวิชาที่โรงพยาบาลด้วย แต่โตมรขอแวะเยี่ยมแขไขก่อนแล้วจะตามเอื้อเฟื้อไป โตมรพาอรอินทุ์เข้าไปหาแขไขที่ในห้อง อรอินทุ์เห็นแขไขก็นึกกลัวคำขู่ของแสงจึงบอกกับโตมรว่า จะออกไปรอข้างนอกแล้วหันหลังกลับจะเดินออก แล้วเสียงวี้ดของเครื่องต่างๆ ก็ดังขึ้น ไฟในห้องเริ่มติดๆ ดับๆ โตมรและอรอินทุ์หันไปมอง เห็นแขไขก็ยื่นออกมาดึงตัวอรอินทุ์เข้ามาหา เธอจับมือของอรอินทุ์ไว้ โตมรเห็นทุกอย่างชัดเจนเขาตะโกนห้ามเสียงลั่น แขไขลืมตาขึ้นมองอรอินทุ์ ทั้งที่ไม่เคยลืมตาได้มากว่าสองปี ทั้งสองสื่อสารกัน แล้วอรอินทร์ก็เห็นภาพในอดีตและรู้ว่ารุจคือชายคนที่แขไขรักและต้องการจะแต่งงานด้วย แต่พ่อของแขไขบังคับให้เธอแต่งเป็นหมอจิรัชย์
"ตัวเล็ก ย่าแข หยุดเถอะนะครับ" เสียงโตมรร้องลั่นเพราะเป็นห่วงทั้งคู่
แขไขหยุดการชาร์ตแล้วหลับตาลง ร่างอรอินทุ์ร่วงลงไป โตมรรีบถลาไปรับ และได้ยินอรอินทุ์บอกว่า แขไขให้เธอดูภาพอดีต ทำให้เธอรู้ว่าแล้วว่าทำไมแสงถึงไม่ยอมให้เธอตามหารุจ
"โต ต้องเชื่อเล็กนะ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความจริง รุจสำคัญสำหรับย่าแขมาก เราต้องช่วยตามรุจมาหาย่าแข ไม่งั้นย่าแขต้องตาย ได้ยินไหมโต ย่าแขกำลังจะตาย ถ้าไม่ได้เจอรุจ"
อรอินทุ์พูดได้เพียงเท่านี้ หมอกับพยาบาลก็วิ่งเข้ามาแล้วพาเธอเข้าไปห้องฉุกเฉิน ในขณะที่ของแขไขหลับตานอนนิ่งไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม

-
โปรดติดตามตอนต่อไป
ที่มา : http://www.oknation.net/blog/lakorn/

นางทาส ตอนที่ 6

เวลาผ่านไปอีก 4 - 5 วัน แม่ชะม้อยช่างตัดเสื้อหอบเอาเสื้อที่ตัดเสร็จแล้วไปให้คุณหญิงดูที่เรือน คุณหญิงคลี่เสื้อออกดูด้วยความพอใจก่อนจะหยิบเสื้อชูขึ้นให้เย็นดูและถามว่าสวยไหม เย็นมองดูเสื้อที่ตัดจากผ้าลูกไม้สวยงามนั้นแล้วตอบตามตรงว่างามมาก คุณหญิงจึงเอ่ยต่อด้วยสีหน้าเฉยๆ ว่า
"ข้าให้เอ็ง"
เย็นสะดุ้งเฮือก และมองหน้าคุณหญิงแย้มอย่างงงๆ ในขณะที่ยายฟักสะกิดเย็นแล้วว่า
"คุณหญิงท่านให้ก็รับไว้สิ"
เย็นมองเสื้อสวยงามนั้นตอบอย่างซื่อๆ "บ่าว บ่าว ไม่ทราบจะเอาไปทำอะไรเจ้าค่ะ"
คุณหญิงแย้มมองหน้าซื่อๆ ของเย็นแล้วถอนใจยาวก่อนจะสั่ง "ตามข้ามานี่ซิ เอาเสื้อนั่นมาด้วย"
กล่าวจบคุณหญิงแย้มก็ลุกเดินเข้าไปในห้อง เย็นจึงลุกขึ้นเดินตามไปอย่างงงๆ
เมื่ออยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้อง คุณหญิงแย้มจึงบอกกับเย็นตรงๆ ว่า ท่านเจ้าคุณสีหโยธินขอเย็นกับท่าน และท่านก็ออกปากยกเย็นให้ท่านเจ้าคุณไปเรียบร้อยแล้ว
"ข้ายกเอ็งให้ท่านไปแล้ว คืนพรุ่งนี้ ข้าจะพาเอ็งไปส่งตัวที่เรือนกลาง"
คุณหญิงแย้มบอกเย็นที่นั่งนิ่งขึงตัวชาอยู่กับที่ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
คุณสาลี่ใช้ให้นังแอบมาดักคอยพาตัวแม่ชะม้อยช่างตัดเสื้อไปพบ และเค้นถามจนได้ความว่าคุณหญิงแย้มให้แม่ชะม้อยตัดเสื้อใหม่ให้เย็น
"แม่ชะม้อย! คุณหญิงสั่งตัดเสื้อให้นังเย็นทำไม" คุณสาลี่ถามอย่างตกใจ
"อ้าว คุณสาลี่ไม่ทราบหรือเจ้าคะว่า คุณหญิงท่านจะส่งตัวแม่เย็นให้ท่านเจ้าคุณคืนวันพรุ่งนี้"
"อะไรนะ" ทั้งคุณสาลี่และบุญมีร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกันเมื่อแม่ชะม้อยกล่าวจบ
"อิฉันก็นึกว่ารู้กันทั้งบ้านแล้วอีก เห็นจัดห้องหอกันโครมๆ"
แม่ชะม้อยพึมพำ ในขณะที่คุณสาลี่และบุญมีลุกขึ้นเดินพรวดพราดลงจากเรือนไปโดยไม่สนใจแม่ชะม้อยที่นั่งมองตาค้าง
คุณสาลี่กับบุญมีและบ่าวในเรือนเล็กเดินลิ่วมาที่เรือนใหญ่ และพรวดพราดขึ้นไปพบคุณหญิงแย้มด้วยสีหน้าบึ้งตึง ทำให้คุณหญิงกวาดสายตามองคุณสาลี่และพรรคพวกด้วยสายตาเย็นชาอย่างไม่พอใจก่อนจะถาม
"แม่สาลี่ ยกโขยงกันขึ้นมาบนเรือนฉันทำไม"
"แม่ชะม้อยบอกว่า คุณพี่จะยกอีนังบ่าวเย็นให้เป็นเมียท่านเจ้าคุณ"
คุณสาลี่ขึ้นเสียงพลางกวาดสายตามองเย็นและยายฟักที่นั่งหมอบอยู่ข้างคุณหญิง
"ใช่" คุณหญิงตอบสั้นๆ พร้อมกับจ้องหน้าคุณสาลี่
"คุณพี่ คุณพี่ไม่ละอายใจบ้างหรือคะ อีเย็นนั่นมันเป็นบ่าว เป็นทาสต่ำต้อย ทำไมถึงต้องยกย่องมันขึ้นมามีผัวคนเดียวกับเรา"
คุณหญิงคลี่ยิ้มออกมาอย่างเยาะหยันแกมสะใจก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงเนิบๆ
"แม่สาลี่เข้าใจผิด ฉันไม่ได้ยกเย็นให้ท่านเจ้าคุณ ท่านเจ้าคุณเองต่างหากที่เป็นคนเอ่ยปากขอเย็นจากฉัน"
คุณสาลี่และบุญมีตกตะลึงกับคำตอบของคุณหญิงอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่คุณสาลี่จะกรี๊ดออกมา
"ไม่จริง! ท่านเจ้าคุณไม่มีวันตาต่ำ"
ยายฟักได้แต่ยกมือทาบอกกับวาจาของคุณสาลี่ ในขณะที่เย็นเงยหน้าขึ้นเขม้นมองคุณสาลี่ด้วยสายตาดุดัน ส่วนคุณหญิงแย้มนั้นมีสีหน้าบึ้งตึงขึ้นขณะที่ขัดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ
"แม่สาลี่! จะพูดจะจาอะไรก็ระวังหน่อย หล่อนไม่ควรใช้คำนั้นกับท่านเจ้าคุณ"
"อิฉันละสมเพชคุณพี่เสียจริงๆ คุณพี่คิดจะเอาชนะอิฉันโดยยกอีบ้านนอกนี่ขึ้นมาเป็นเมียท่านเจ้าคุณ ท่านเจ้าคุณน่ะไม่ได้ตาต่ำ แต่คุณพี่นั่นแหละตาต่ำ"
คุณสาลี่ชี้หน้าว่าคุณหญิงแย้มด้วยความโกรธและหึงหวงจนลืมเกรงเหมือนอย่างเคย และทันทีที่คุณสาลี่กล่าวจบ เย็นก็ลุกพรวดขึ้นชี้หน้าคุณสาลี่พร้อมกับตวาดทันที
"หยุดนะ!"
ยายฟักตกใจแทบจะเป็นลมกับกิริยาและวาจาของเย็น เพราะเย็นกล่าวต่อโดยไม่เปิดโอกาสให้คุณสาลี่ซึ่งกำลังตกใจได้พูดอะไร
"คุณว่าบ่าวไม่เป็นไร แต่อย่าบังอาจล่วงเกินคุณหญิงเด็ดขาด"
พอได้สติ คุณสาลี่ก็ชี้หน้าเย็นพร้อมกับกล่าวถ้อยคำเสียดสีเยาะหยัน
"มึงจะทำไมกู อีเย็น! อ้อ! กูลืมไป คุณหญิงมีพระคุณกับเอ็งนี่ อุตส่าห์สั่งนังฟักให้ช่วยขัดสีฉวีวรรณลอกคราบบ้านนอกออกไป เพื่อจะยกย่องให้เป็นเมียท่านเจ้าคุณอีกคน แต่กูจะบอกให้เอาบุญ ไม่ว่าจะขัดจะถูอย่างไร กลิ่นโคลนสาปควายก็ไม่มีวันหมดหรอกอีบ้านนอก"
เย็นขาดสติเงื้อมือถลันเข้าไปหาคุณสาลี่ทันที แต่คุณหญิงเรียกเย็นเอาไว้เสียก่อนด้วยน้ำเสียงดุๆ เย็นจึงหยุดชะงัก ยายฟักจึงลุกขึ้นไปดึงเย็นให้กลับมานั่งที่เดิม ทำให้คุณสาลี่ได้ใจส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยันและชี้นิ้วให้บรรดาบ่าวของตนเองดูหน้าเย็น
"พวกมึงเห็นมั้ยว่าอีเย็นมันเหมือนควายเลย พวกควายมันก็อย่างนี้แหละ นายสั่งให้ไถนา มันก็ต้องไถ ไม่มีหัวคิด"
เย็นได้แต่นั่งน้ำตาคลอด้วยความแค้นใจและเจ็บใจที่ไม่สามารถตอบโต้คุณสาลี่ได้ คุณหญิงแย้มถอนใจยาวอย่างระอาก่อนที่จะออกปากไล่คุณสาลี่และพรรคพวกกลับไปด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ทำให้คุณสาลี่จำต้องพาพรรคพวกถอยกลับไปอย่างเจ็บใจ และเมื่อกลับมาถึงเรือนคุณสาลี่ก็กล่าวอาฆาตขึ้น
"อีนังคุณหญิงแย้ม กูไม่มีวันยอมแพ้มันหรอก"
"แต่ดูท่าทีแล้ว คุณพี่คงต้องแพ้แล้วละค่ะ"
บุญมีตอบคุณสาลี่ด้วยสีหน้าเยาะๆ ทำให้คุณสาลี่หันมาตวาดเสียงเขียว
"อีบุญมี"
"อ๊าว!อย่าพาลมาขึ้นไอ้ขึ้นอีกับอิฉันซิคะ อิฉันไม่ใช่นังเย็น"
"ถ้าไม่ช่วยกันก็ไสหัวเข้าห้องไป"
"คุณหญิงแย้มเป็นคนเด็ดขาด" บุญมียังคงกล่าวลอยๆ
"ชื่นชมมันนักก็ไปอยู่กับมันเลยซิ แต่ระวังหน่อยว่าอาจจะถูกมันเฉดหัวออกมา เพราะถึงอย่างไร กูก็เป็นคนขุนมึง"
"คุณพี่ลำเลิกหรือคะ"
"เออ! กูลำเลิก มึงจะทำไม"
"ไม่ทำไมหรอกค่ะ แต่ระวังไว้ด้วยว่า คุณพี่จะอกแตกตายเข้าสักวันหนึ่ง ไป อีป่วน"
บุญมีตอบอย่างเย้ยๆ ก่อนจะสะบัดหน้าเดินเข้าห้องตัวเองไป โดยมีเสียงคุณสาลี่ด่าตามหลังไปด้วยความเจ็บใจ
"อีเนรคุณ! อีอกตัญญู!"
พอเข้าห้องปิดประตูเรียบร้อยบุญมีก็กรีดเสียงหัวเราะออกมาอย่างสะใจพร้อมกับบอกนังป่วน "กูสะใจจริงๆ อีป่วนเอ๊ย! สมน้ำหน้านังสาลี่มันด้วย"
"คุณคิดจะทำอะไร" ป่วนถามอย่างสงสัย
"ก็อยู่เฉยๆ คอยดูความพินาศของนังสาลี่น่ะซิ"
บุญมีบอกป่วนแล้วหัวเราะออกมาอีกครั้งอย่างสะใจ ในขณะที่ป่วนพึมพำ "ไม่น่าเลย"
บุญมีหยุดหัวเราะแล้วชี้หน้าป่วนพร้อมกับตวาด
"หยุด ไม่ต้องมาพล่ามธัมมะธัมโมให้กูฟัง"
ส่วนคุณสาลี่นั้นเข้าห้องได้ก็เฝ้าแต่ร้องไห้และด่าคุณหญิงแย้มต่างๆ นานาด้วยความเจ็บใจและกลัวว่าตนเองจะหมดความสำคัญต่อท่านเจ้าคุณ โดยมีนังแอบนั่งฟังและมองด้วยความสงสาร
"อีคุณหญิงแย้มมันแกล้งกู มันเห็นกูหาอีบุญมีมาให้ท่านเจ้าคุณ มันก็สาระแนยกนังเย็นให้ท่านบ้าง อีแอบ"
"เจ้าขา"
"แล้วถ้าเผื่อ ถ้าเผื่ออีบ้านนอกเย็น มันเกิดมีลูกให้คุณพี่ล่ะ"
"อุ๊ย! ไม่มีทางเจ้าค่ะทั้งคุณหญิงแย้ม ทั้งคุณท่าน แล้วก็คุณบุญมียังไม่มี แล้วหน้าอย่างนังเย็นจะมีได้ยังไง มันเป็นบ่าวนะเจ้าคะ มันเป็นบ่าว ลูกท่านเจ้าคุณต้องเป็นผู้มีบุญวาสนา แล้วผู้มีบุญวาสนาที่ไหนเขาจะมาเกิดในท้องบ่าวล่ะเจ้าคะ"
นังแอบตอบแบบเอาอกเอาใจคุณสาลี่เต็มที่ทำให้สีหน้าของคุณสาลี่ดีขึ้น และหลังจากนั้นนังแอบก็กระซิบบอกคุณสาลี่ถึงแผนการขัดขวางไม่ให้ท่านเจ้าคุณได้เย็นเป็นเมียอีกคน

หลังจากที่เย็นกลับมาถึงเรือนยายฟักในตอนค่ำแล้วนั้น เย็นนั่งลูบๆ คลำๆ เสื้อสวยที่คุณหญิงสั่งตัดให้ด้วยสีหน้าหมองเศร้า ยายฟักเปิดประตูมาเห็นเข้าจึงเข้าไปนั่งข้างๆ เย็นแล้วลูบผมเย็นอย่างเมตตาก่อนจะบอก
"เป็นวาสนาของเอ็งแล้วนะ เย็น"
"แล้วคุณหญิงล่ะยาย" เย็นถามด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
"คุณหญิงก็ส่วนคุณหญิง เอ็งก็ส่วนเอ็ง ทำหน้าที่ไปตามปกติ ข้อสำคัญ เมื่อได้ดีแล้วอย่าลืมตัว อย่าเป็นกิ้งก่าได้ทอง เคยเป็นอย่างไรก็อย่างนั้น ไม่ต้องกังวลอะไร ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามทางของมัน ไม่ต้องไปฟังคำพูดของคุณสาลี่หรือใคร"
ยายฟักสั่งสอนเย็นด้วยความรักและหวังดี เย็นจึงขยับเข้าไปกอดยายฟักไว้ด้วยความรู้สึกสับสนและอ้างว้าง เพราะเย็นมาอยู่ที่นี่ตัวคนเดียวไร้ญาติขาดมิตร ถ้าไม่นับคุณหญิงแย้มผู้เป็นนายที่แสนประเสริฐแล้ว ก็มีก็แต่ยายฟักกับละออเท่านั้นที่ดีกับเธออย่างจริงใจ
นังแอบวางแผนขัดขวางเย็นไม่ให้เป็นเมียท่านเจ้าคุณสีหโยธินด้วยการให้นังพิศกับนังม้วนลอบเข้าไปเผาเรือนยายฟักในขณะที่เย็นนอนหลับอยู่กับละออตามลำพัง แต่โชคยังดีที่ยายฟักซึ่งขึ้นไปรับใช้คุณหญิงอยู่บนเรือนใหญ่กลับลงมาทันเห็นไฟกำลังลุกไหม้จึงตะโกนเรียกพวกทาสชายและหญิงที่พักอยู่ไม่ไกลกันนักให้ตื่นขึ้นมาช่วยดับไฟได้ทันก่อนที่เย็นกับละออจะถูกไฟคลอกตาย
คุณสาลี่นั้นพอรู้ว่าละออกับเย็นรอดตายจากการถูกไฟคลอก ก็ด่านังม้วนและนังพิศเสียงขรมด้วยความเจ็บใจที่ทำอะไรเย็นไม่ได้
เช้าวันรุ่งขึ้น ยายฟักถึงขึ้นไปรายงานให้คุณหญิงแย้มรู้เรื่องที่เรือนถูกไฟไหม้ ทำให้คุณหญิงตกใจมาก และดุที่ยายฟักไม่ยอมขึ้นมาบอกตั้งแต่เมื่อคืนก่อนจะสั่งให้พวกทาสผู้ชายไปช่วยซ่อมแซมเรือนขอวงยายฟัก ระหว่างนั้นเองบุ้งก็เสนอหน้าขึ้นไปพร้อมกับกล่าวออกมาด้วยสีหน้าครุ่นคิดสงสัยว่า เธอสงสัยว่าจะมีการวางเพลิงบ้านยายฟัก เพราะเธอเห็นนังพิศกับนังม้วนมาด้อมๆ มองๆ อยู่ก่อนที่ไฟจะไหม้เรือนยายฟัก คุณหญิงฟังแล้วก็ได้แต่นิ่งอึ้ง
ในวันส่งตัวเย็นนั้น คุณหญิงแย้มเข้าไปสั่งให้บ่าวไพร่ช่วยกันจัดห้องหอให้เย็นและท่านเจ้าคุณสีหโยธินอย่างสวยงาม โดยที่เย็นแอบหลบไปนั่งเหม่อลอยอยู่ที่ท่าน้ำด้วยความรู้สึกกังวลและหวาดหวั่นแกมหม่นหมอง จนกระทั่งเย็นยายฟักจึงใช้ให้บ่าวคนหนึ่งไปตามตัวเย็นกลับมาที่เรือนเล็กๆ ข้างเรือนยายใบ ที่ยายฟัก ละออ และเย็นย้ายมาอยู่ชั่วคราวระหว่างที่ยังซ่อมเรือนไม่เสร็จ ยายฟักบอกเย็นด้วยความเป็นห่วงว่า
"ข้าไม่อยากให้เอ็งไปไหนมาไหนคนเดียว"
"ทำไมจ๊ะยาย ฉันเคยไปไหนมาไหนคนเดียวบ่อยๆ" เย็นถามด้วยสีหน้าซื่อๆ
"ตอนนี้มันไม่เหมือนตอนนั้น" ยายฟักบอกด้วยเสียงเนิบๆ
เย็นชะงักและมองหน้ายายฟักก่อนจะถามเสียงแผ่ว "ยายคงไม่ได้เชื่อที่พี่บุ้งพูด"
"โบราณท่านว่าจิ้งจกทักยังต้องฟัง ข้าอยากให้เอ็งเก็บตัวอยู่ในนี้จนกว่าจะถึงเวลา"
หลังจากที่กินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยายฟักกับละออก็จัดแจงจับเย็นแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่คุณหญิงแย้มสั่งตัดมาให้เย็น ลออนั้นเฝ้าแต่ชื่นชมเย็นไม่ขาดปากว่า
"สวยจังเลย พี่เย็น"
เย็นได้แต่ยิ้มให้ละออและยายฟักอย่างเขินอายก่อนที่ยายฟักจะจูงมือเย็นให้เดินลงจากเรือนพร้อมกับบอกว่า ได้เวลาแล้ว ไปกันได้แล้ว ละออร้องตามจะไปด้วย แต่ถูกยายฟักดุและสั่งให้อยู่เฝ้าเรือนและเข้านอน

ระหว่างที่ยายฟักกับเย็นเดินลัดเลาะผ่านสุ่มทุมพุ่มไม้ที่ค่อนข้างมืดเพื่อจะไปยังเรือนกลางที่คุณหญิงแย้มและท่านเจ้าคุณสีหโยธินนั่งคอยอยู่นั้นคุณสาลี่ นังแอบ นังพิศ นังม้วนก็ก้าวออกมาจากพุ่มไม้ใหญ่เดินออกมาขวางหน้ายายฟักกับเย็นไว้ และโดยไม่พูดพล่ามทำเพลง ทั้งหมดช่วยกันรุมตบเย็นทันที
ยายฟักพยายามที่จะเข้าไปช่วยแต่ก็ถูกผลักจนกระเด็นออกไป ในขณะที่เย็นนั้นสู้กับคุณสาลี่และพรรคพวกอย่างไม่มีการออมมือ และเพราะเย็นนั้นเป็นเด็กท้องทุ่งทำงานหนักมาก่อนจึงแข็งแรงกว่าคุณสาลี่และบ่าวคนสนิทหลายเท่า ตบกันอยู่พักใหญ่โดยมียายฟักเข้าไปช่วยเท่าที่จะช่วยได้
เย็นกับยายฟักก็พากันเดินกระย่องกระแย่งไปถึงเรือนหอ ในขณะที่ท่านเจ้าคุณสีหโยธินกำลังหัวเสียด้วยความโมโห เพราะคิดว่าเย็นเล่นตัวและอวดดี คุณหญิงแย้มเหลือบไปเห็นเย็นและยายฟักในสภาพที่เหมือนไปฟัดกับหมามาก็สะดุ้งพร้อมกับร้องถามอย่างตกใจ
"เย็น ฟัก นั่นไปทำอะไรมา"
เย็นหันไปมองหน้ายายฟักเหมือนจะถามว่าควรจะเล่าให้คุณหญิงกับท่านเจ้าคุณฟังดีไหม และพอยายฟักพยักหน้า เย็นก็เปิดปากเล่าเรื่องทั้งหมดทันที หลังจากที่ฟังเย็นเล่าจบ ท่านเจ้าคุณก็นั่งนิ่งด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมขึ้น ส่วนคุณหญิงแย้มรีบสั่งให้ยายฟักพาเย็นไปอาบน้ำใหม่ โดยสั่งให้บ่าวไพร่ที่นั่งอยู่บริเวณนั้นไปเดินเป็นเพื่อนเย็นและยายฟักด้วย
หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ยายฟักก็พาตัวเย็นมาส่งให้คุณหญิงแย้มและท่านเจ้าคุณที่เรือนกลาง คุณหญิงแย้มจึงจัดการส่งตัวเย็นให้กับท่านเจ้าคุณสีหโยธินแล้วคุณหญิงก็กลับไปเรือนใหญ่ด้วยความรู้สึกหมองเศร้าและสะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูก
ภายในห้องหอของเย็นและท่านเจ้าคุณสีหโยธิน เย็นนั่งก้มหน้าอยู่แทบเท้าท่านเจ้าคุณสีหโยธินที่นั่งอยู่บนเตียง ท่านเจ้าคุณเรียกเย็นที่นั่งก้มหน้านิ่งด้วยน้ำเสียงเมตตา
"เจ้าคะ"
"เงยหน้าขึ้นซิ"
เย็นค่อยๆ เงยหน้าขึ้นตามคำสั่งอย่างหวาดหวั่น ท่านเจ้าคุณเชยคางเย็นไว้แล้วถาม
"เอ็งกลัวข้าใช่ไหม"
"เปล่าเจ้าค่ะ"
ท่านเจ้าคุณคลี่ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูก่อนจะบอก "เอ็งเป็นบ่าวคนแรกที่กล้าต่อปากต่อคำกับข้า"
เย็นก้มหน้าหลบตาท่านเจ้าคุณอย่างเขินๆ ท่านเจ้าคุณจึงจับแขนเย็นดึงให้ลุกขึ้นมานั่งเคียงข้างท่านบนเตียงและถามต่อ
"เอ็งยอมข้าเพราะอะไร"
เย็นได้แต่นั่งนิ่งตัวสั่นสะท้าน เพราะความหวาดหวั่น ทำให้ท่านเจ้าคุณคลี่ยิ้มพร้อมกับรวบตัวเย็นเข้ามากอดและจูบไปทั่วใบหน้าหวานเศร้าของเย็น
กลางดึกของคืนวันเดียวกันนั้น ท่ามกลางแสงจันทร์กระจ่างฟ้าที่สาดส่องแสงนวลใยเข้ามาถึงภายในห้องนอน ท่านเจ้าคุณสีหโยธินนอนตะแคงจ้องมองดูเย็นซึ่งไม่ยอมหนุนหมอนหากแต่นอนต่ำลงไปด้วยความเจียมเนื้อเจียมตัวอย่างรักใคร่เอ็นดูพร้อมกับถาม
"ทำไมไม่ขึ้นมานอนบนหมอนนี่"
"เพราะท่านเป็นนาย บ่าวเป็นบ่าว" เย็นตอบด้วยน้ำเสียงอุบอิบ
"แต่เอ็งก็เป็นเมียข้า"
"เป็นเมียบ่าวเจ้าค่ะ"
ท่านเจ้าคุณหัวเราะเสียงก้องก่อนจะบอกเย็นอย่างเอ็นดู "ข้าชอบเอ็งตรงนี้แหละ ไม่เคยจนถ้อยคำเลย"
กล่าวจบท่านเจ้าคุณก็ลูบผมเย็นเบาๆ แล้วดึงเย็นเข้าไปกอดอีกครั้งหนึ่งด้วยความพิสวาทอย่างล้นเหลือ
ตั้งแต่ท่านเจ้าคุณได้เย็นเป็นเมียอีกคนหนึ่งนั้น ท่านเจ้าคุณก็ไม่เคยย่างกรายไปหาคุณสาลี่กับบุญมีที่เรือนหลังเล็กอีกเลยแม้แต่วันเดียว ทำให้คุณสาลี่ทั้งโกรธทั้งแค้นคุณหญิงแย้มและเย็นมากขึ้นเป็นร้อยเท่าพันเท่า แต่คุณสาลี่ก็ไม่สามารถทำอย่างไรได้ นอกจากเฝ้าก่นด่าคุณหญิงและเย็นไม่เว้นแต่ละวัน
หลังจากวันส่งตัวเย็นให้ท่านเจ้าคุณแล้ว คุณหญิงแย้มก็ยังคงเมตตาเย็นเหมือนเดิม แถมยังคอยเรียกเย็นให้เข้ามาคอยรับใช้ดูแลท่านเจ้าคุณอย่างใกล้ชิดอีกด้วย อีกทั้งยังเลือกเอาเสื้อผ้าของคุณหญิงเองที่ยังใหม่ๆ มาให้เย็นอีกมากมาย และสั่งให้เย็นดูแลแต่งตัวให้เย็นด้วยเสื้อผ้าของคุณหญิง เพราะเย็นนั้นได้ชื่อว่าเป็นเมียของท่านเจ้าคุณแล้วไม่ควรจะแต่งตัวแบบทาสอีกต่อไป และนอกจากเสื้อผ้าแล้วคุณหญิงยังไขกำปั่นเปิดเอาเข็มขัดนากและสร้อยทองเส้นเล็กๆ ส่งให้เย็นพร้อมกับบอก
"ข้ายอมให้เอ็งน้อยหน้าใครไม่ได้ สร้อยเส้นนี้เอาไว้สวมเล่นๆ ก่อน ท่านเจ้าคุณจะเปลี่ยนให้เอ็งทีหลังเอง"
เย็นได้แต่ก้มลงกราบคุณหญิงทั้งน้ำตาก่อนที่จะรับเครื่องแต่งตัวนั้นมา คุณหญิงแย้มจึงกำชับต่อ
"เสื้อผ้าที่ข้าให้ไปน่ะเอาออกมาแต่งเสีย ถ้ายังไม่เป็นก็ถามฟักดู"
"บ่าวแต่งอย่างนี้ก็ได้เจ้าค่ะ" เย็นตอบเสียงอุบอิบ
"ไม่ได้ เมียท่านเจ้าคุณจะแต่งเป็นบ่าวได้อย่างไร"
คุณหญิงดุเสียงเขียวแต่ใบหน้ายิ้มแย้ม ทำให้เย็นน้ำตาร่วงอีกครั้งด้วยความตื้นตัน เธอคลานเข้าไปหาคุณหญิงพร้อมกับจับปลายเท้าของคุณหญิงไว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นถามด้วยสีหน้าและแววตาที่บ่งบอกถึงความจงรักภักดี
"คุณหญิงเมื่อยตรงไหนเจ้าคะ บ่าวจะนวดให้"
คุณหญิงสบตาเย็นและจ้องมองเหมือนจะค้นหาความจริงใจจากเย็นก่อนจะยิ้มให้พร้อมกับบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเพระคุณหญิงพบแต่ความซื่อสัตย์และจงรักภักดีจากแววตาของเย็น "ไม่เป็นไร เอ็งไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ"
"ให้บ่าวนวดให้คุณหญิงเถอะเจ้าค่ะ" เย็นยังไม่ยอมลุกขึ้น
"ข้าบอกให้เอ็งไปจัดการเรื่องของเอ็งก่อน ไปซิ"
คุณหญิงไล่อย่างเอ็นดู เย็นจึงก้มลงกราบคุณหญิงก่อนจะคลานออกไป
คุณสาลี่พานังแอบ นังพิศ นังม้วนมาหาคุณหญิงที่เรือนใหญ่ พอดีกับที่เย็นกำลังจะเดินลงจากเรือน คุณสาลี่จึงพาพรรคพวกขวางทางไว้และด่าว่าเย็นพร้อมกับลามปามไปถึงคุณหญิงแย้ม ซึ่งทำให้เย็นทนไม่ได้ถลันจะเข้าไปตบคุณสาลี่ ดีที่คุณหญิงออกมาห้ามเอาไว้ได้ทัน คุณสาลี่จึงหันไปจ้องมองคุณหญิงด้วยสายตาที่เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อและว่า
"ยกย่องอีบ่าวเย็นขึ้นมาเป็นเมียท่านเจ้าคุณแค่นี้ อย่านึกว่าคุณพี่จะชนะอิฉันนะคะ"
"ฉันก็ไม่ได้คิดว่าจะแพ้หรือชนะใคร เย็น ไปได้แล้ว" คุณหญิงตอบเสียงหนักๆ
เย็นขยับจะเดินลงไป แต่นังแอบและนังพิศนังม้วนไม่ยอมหลีกทางให้ คุณหญิงแย้มจึงบอกบ่าวของคุณสาลี่ด้วยน้ำเสียงดุๆ "นังแอบ นังม้วน นังพิศ หลีกทางให้แม่เย็น!"
คุณสาลี่กรี๊ดทันทีที่คุณหญิงกล่าวจบ "แม่เย็น! คุณพี่เรียกอีบ่าวบ้านนอกว่าแม่เย็น!"
"ใช่!"
"เออ ยกย่องกันเข้าไป! อีกหน่อยมันได้เผยอขึ้นมาเทียบหรอก"
"เย็นไม่เหมือนหล่อน"
"คุณพี่"
"หรือถ้าจะเหมือนก็ไม่เป็นไร เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรก หล่อนเองก็เคยเผยอขึ้นมาเทียบฉันก่อนหน้านี้แล้ว"
"คุณพี่กล้าเอาอิฉันไปเทียบกับอีบ่าวเย็น คุณพี่ยกย่องมันขึ้นมาเพื่อจะเขี่ยอิฉันออกไป นับจากวันนี้อิฉันจะเลิกนับถือคุณพี่ พอกันที"
"ฉันไม่ได้เดือดร้อนพอดี แม่สาลี่ว่าเย็นมันเป็นกิ้งก่าได้ทอง แต่ฉันว่ามันตรงกับแม่สาลี่มากกว่า นั่นแหละกิ้งก่าได้ทอง"
คุณหญิงแย้มตอบคุณสาลี่ด้วยหน้าตาเฉยเมยไร้ความรู้สึกแล้วก็หันหลังเดินเข้าเรือนไป ทำให้คุณสาลี่โกรธจัดจนแทบจะเต้นเพราะทำอะไรคุณหญิงแย้มไม่ได้นอกจากพาพวกบ่าวกลับเรือนตนเองด้วยความคั่งแค้น

สองสามวันต่อมา ท่านเจ้าคุณได้ไปหาคุณสาลี่และบุญมีที่เรือนหลังเล็กและท่านเจ้าคุณบอกกับคุณสาลี่และบุญมีที่เข้าไปประจบประแจงจะบีบนวดให้ท่านว่าไม่ต้อง แต่ท่านมีเรื่องจะพูดด้วยรวมทั้งพวกบ่าวไพร่ที่เรือนเล็กหลังนี้ด้วย คุณสาลี่และบุญมีหน้าเผือดลง ในขณะที่พวกบ่าวไพร่ต่างก็นั่งก้มหน้านิ่งด้วยความหวาดกลัว
"เย็นมันเป็นเมียของข้าเหมือนกันแม่สาลี่ แม่บุญมี ฉะนั้นใครที่คิดจะรังแกมันจงล้มเลิกความคิดเสีย" ท่านเจ้าคุณสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
"อิฉันไม่เคยคิดเลยนะคะ กลับดีใจด้วยซ้ำที่คุณพี่ได้เมียอีกคน ซึ่งอาจจะให้ลูกกับคุณพี่ได้"
บุญมีกล่าวออกไปอย่างประจบประแจง ในขณะที่คุณสาลี่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันถาม
"นังเย็นมันฟ้องคุณพี่หรือคะ"
"ไม่ต้องมีใครฟ้องข้าก็เห็น เสื้อผ้ามันขาดวิ่นยับเยิน ผมเผ้ายุ่งเหยิง หน้าตาเป็นผื่นแดงด้วยรอยมือขนาดนั้น ฟักก็เป็นพยานได้อีกคน"
"มันเป็นพวกเดียวกันก็ต้องเข้าข้างกันน่ะซีคะ ใครๆ ก็รู้ว่านังแก่นั่นมันพยายามจะให้นังบ่าวเย็นเป็นเมียคุณพี่"
"แม่สาลี่"
ท่านเจ้าคุณเรียกเสียงหนักๆ และมีสีหน้าบึ้งตึง แต่คุณสาลี่ขาดสติเสียแล้ว เธอจึงกล่าวออกมาอย่างไม่กลัวไม่เกรงอีกต่อไป
"ใช่ อิฉันไปตบมัน ตบให้สะใจที่มันแย่งคุณพี่ไปจากอิฉัน"
"ถ้าเช่นนั้น แม่แย้มก็ควรจะตบหล่อนด้วยน่ะซิ"
น้ำตาคุณสาลี่ไหลพรากด้วยความแค้นใจและเจ็บช้ำน้ำใจ เธอถามท่านเจ้าคุณด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น
"คุณพี่! ทำไมคุณพี่พูดกับอิฉันเหมือนไม่มีเยื่อใยเลย ที่อิฉันทำไปทั้งหมดก็เพราะรักคุณพี่ รักมากที่สุด รักจนทนเห็นคนอย่างนังเย็นแย่งคุณพี่ไปไม่ได้"
"ถ้าอย่างนั้น ขอบอกให้รู้เลยว่า ถ้าจะมีใครเป็นเจ้าของฉัน คนๆ นั้นก็น่าจะเป็นแม่แย้ม แต่แม่แย้มก็ไม่เคยหึงหวงฉันเลย หล่อน แม่บุญมี และเย็นเป็นเมียฉันเท่าเทียมกันหมด ไม่มีใครเหนือกว่าใครจำเอาไว้ ต่อไปนี้อย่าให้ฉันได้ยินว่ามีเรื่องตบตีกันอีก"
"คุณพี่" คุณสาลี่ร้องเสียงหลงอย่างเจ็บใจ
ในขณะที่บุญมีกล่าวตอบท่านเจ้าคุณด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
"อิฉันจะจำเอาไว้ค่ะ แค่คุณพี่เมตตาชุบเลี้ยงอิฉันต่อไป ก็เป็นพระคุณที่สุดแล้ว คุณพี่มีความสุขอิฉันก็มีความสุขด้วยเจ้าค่ะ"
ท่านเจ้าคุณมองหน้าคุณสาลี่และบุญมีด้วยสายตาดุๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินลงจากเรือนไป
ท่านเจ้าคุณสีหโยธินรักเย็นมากถึงขนาดถอดสร้อยคอที่ห้อยตะกรุดทองคำออกจากคอมาสวมให้เย็นและถอดสร้อยเส้นที่คุณหญิงแย้มให้เย็นออก โดยบอกกับเย็นว่า
"สร้อยเส้นนี้ข้ารักมาก เอ็งสวมติดตัวไว้ตลอดเวลา อย่าถอดออกเป็นอันขาด ส่วนที่คุณหญิงให้ก็เก็บเอาไว้ เมื่อเอ็งมีลูก ก็ให้ลูกเอ็งสวม"
เย็นนั้นได้แต่ก้มหน้านิ่งขณะที่ท่านเจ้าคุณสวมสร้อยคอให้ ท่านเจ้าคุณจึงเชยคางเย็นขึ้นพร้อมกับบอก
"เย็น เอ็งต้องมีลูกชายให้ข้านะ ข้าอยากได้ลูกชาย"
เจ้าคุณกล่าวจบก็รั้งร่างเย็นเข้ามากอดและจูบไปทั่วร่างเย็นอย่างหลงใหล
หลังจากที่เย็นขึ้นไปอยู่ที่เรือนกลางได้ไม่เท่าไหร่ เย็นจึงบอกยายฟักว่าเธอจะขอกลับไปนอนที่เรือนยายฟักชั่วคราว ทั้งนี้ก็เพราะเย็นรู้สึกสงสารและเห็นใจคุณหญิงแย้มด้วยนั่นเอง ที่ท่านเจ้าคุณมาขลุกอยู่แต่ที่เรือนกลางไม่เคยกลับไปนอนค้างที่เรือนใหญ่เลยแม้แต่คืนเดียว เธอจึงตั้งใจจะหลบมานอนที่เรือนยายฟักเพื่อเปิดโอกาสให้ท่านเจ้าคุณสีหโยธินไปค้างที่เรือนใหญ่บ้าง และประกอบกับเย็นรู้สึกไม่สบายมีอาการเวียนหัวและอาเจียนด้วย แต่การกระทำของเย็นกลับทำให้ท่านเจ้าคุณโกรธเย็นเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเย็นเล่นตัวเพราะเห็นว่าท่านรักและเมตตามากกว่าเมียรองคนอื่นๆ
ละออรายงานยายฟักว่า เย็นไม่สบายและอาเจียนด้วย ทำให้ยายฟักจ้องหน้าเย็นอย่างตื่นเต้นดีใจและถามย้ำถึงอาการอ้วก ซึ่งเย็นได้แต่หลับตาอย่างอ่อนเพลียแล้วบอก
"ฉันคลื่นไส้น่ะยาย"
ยายฟักนิ่งมองเย็นที่นอนหลับตาหน้าซีดหน้าเซียวอย่างครุ่นคิดก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจแล้วสั่งให้ละออคอยดูแลเย็น ส่วนยายฟักนั้นรีบแล่นไปรายงานให้คุณหญิงแย้มทราบทันที
คุณหญิงแย้มดีใจมากที่รู้ว่าเย็นท้อง เธอพร่ำถามยายฟักอย่างวิตกกังวลว่าเย็นจะยอมให้เธอช่วยดูแลลูกของเย็นไหม ยายฟักจึงรับรองอย่างแข็งขันว่า เย็นต้องยอมให้คุณหญิงช่วยดูแลลูกอย่างแน่นอน
"นั่นซีนะ ลูกของมันก็เหมือนลูกของข้า" คุณหญิงพึมพำ
"ไม่ใช่แค่นั้นเจ้าค่ะ ลูกของเย็นก็คือลูกของคุณหญิง ถ้าคุณหญิงต้องการ"
ยายฟักตอบด้วยสีหน้าจริงจังน้ำเสียงหนักแน่น

คุณสาลี่รู้ข่าวว่าเย็นกำลังจะมีลูกให้ท่านเจ้าคุณสีหโยธิน ก็โกรธจนแทบจะเสียสติ เธอเอะอะโวยวายด้วยความเสียใจและกลัวว่า ต่อไปนี้ท่านเจ้าคุณจะไม่เหลียวแลเธอ คุณสาลี่ประกาศก้องว่า เธอจะต้องทำให้เย็นแท้งให้ได้ เพราะเธอจะไม่มีวันยอมให้เย็นคลอดลูกออกมาอย่างเด็ดขาด จากนั้นคุณสาลี่ก็พาบ่าวในเรือนแอบลัดเลาะมาถึงเรือนยายฟักแล้วแอบซุ่มอยู่ที่พุ่มไม้ข้างทาง
ส่วนนังแอบก็หยิบเอาก้อนหิน 3-4 ก้อนมาปาหลังคาเรือนยายฟัก ทำให้เย็นตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงก้อนหินกระทบหลังคาบ้าน จึงลุกขึ้นและเดินลงไปดู
เย็นเดินเรื่อยไปจนถึงบริเวณที่มีพุ่มไม้หนาบังตาคนอื่นๆ คุณสาลี่กับพวกบ่าวไพร่ก็กรูกันเข้ารุมจับตัวเย็นไว้ให้คุณสาลี่ตบซ้ายตบขวา เย็นพยายามสู้เอาตัวรอดโดยคอยระวังท้องไม่ให้ถูกกระทบกระแทก แต่ไม่ว่าอย่างไร คนเดียวก็ย่อมสู้คน 4 คนไม่ได้อยู่แล้ว
สุดท้ายเย็นจึงถูกนังม้วนนังพิศและนังแอบยึดมือยึดขาไว้แน่นเพื่อให้คุณสาลี่กระทืบท้องของเย็นอย่างถนัดถนี่ เย็นพยายามร้องขอความเมตตา แต่คุณสาลี่กลับหัวเราะเยาะและว่า
"ในเมื่อข้ามีลูกให้ท่านเจ้าคุณไม่ได้ เอ็งก็อย่ามีได้เลย อีเย็น"
กล่าวจบคุณสาลี่ก็ย่างสามขุมเข้ามายืนตรงกลางลำตัวเย็นและยกเท้าขึ้นจะกระทืบเท้าลงไปที่ท้องเย็น แต่ยังไม่ทันที่คุณสาลี่จะทำได้สำเร็จ เสียงยายฟักก็ดังก้องขึ้น
"หยุดนะ! คุณสาลี่"

-
โปรดติดตามตอนต่อไป
ที่มา : http://www.oknation.net/blog/lakorn/

นางทาส ตอนที่ 5

หลังจากที่รับใช้คุณหญิงแย้มเสร็จแล้ว ยายฟักและเย็นก็กลับมาที่เรือนพัก ยายฟักมองหน้าที่เรียบเฉยแต่อมทุกข์ของเย็นอย่างด้วยความสงสารว่าเป็นอย่างไรบ้าง เย็นเหลือบตาดูยายฟักแว่บหนึ่งน้ำตารื้นขึ้นเต็มขอบตาด้วยความทุกข์ แต่เพียงครู่เดียวเธอก็กล้ำกลืนน้ำตาและความทุกข์ทั้งหมดลงไปในอกแล้วตอบ
"เกือบจะไม่รู้สึกอะไรแล้วละยาย"
ยายฟักพยักหน้าช้าๆ แล้วสอนด้วยน้ำเสียงเนิบๆ
"เมื่อไหร่ที่เอ็งไม่รู้สึก ต่อไปภายหน้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเอ็งก็ไม่ต้องทุกข์ทรมานเจียนตาย แม้กระทั่งหากพ่อแม่ของเอ็งไม่มาไถ่ตัว เอ็งก็ไม่ต้องทุรนทุรายเฝ้ารอเหมือนที่ผ่านมา"
"คนเราจะไม่มีความรู้สึกอะไรเลยได้ถึงขนาดนั้นเชียวหรือจ้ะ" เย็นถามด้วยน้ำเสียงหมองๆ
"ถ้าไม่อยากทุกข์ทรมานเอ็งต้องพยายามทำให้ได้ หรือไม่ก็สะกดกลั้นเอาไว้ให้อยู่ลึกที่สุด"
เย็นฟังแล้วก็ได้แต่กล้ำกลืนก้อนสะอื้นที่แล่นขึ้นมาจุกคอไว้ มีเพียงหยาดน้ำตาที่ไหลรินออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ด้วยความทุกข์ที่อยู่นั้นมันมากมายเสียจนเย็นกลั้นไม่ไหว
หลายเดือนผ่านไป ยายฟักเฝ้าดูแลเย็นอย่างดี คอยกำชับกำชาไม่เย็นออกไปกรำแดดเล่นซุกซนกับละออ ทำให้เย็นสะสวยขึ้นอย่างผิดหูผิดตา และเก่งการบ้านการเรือนขึ้นจนคุณหญิงแย้มออกปากในวันหนึ่งที่เย็นเข้ามารับใช้อยู่ใกล้ๆ เธอด้วยความเป็นห่วง
"นังเย็นมันดูขาวขึ้น เป็นน้ำเป็นนวลขึ้นนะฟัก"
"เจ้าค่ะ การงานก็ดีขึ้นด้วยเจ้าค่ะ" ยายฟักรีบรายงานพลางมองเย็นอย่างปลื้มใจ
คุณหญิงแย้มพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย เพราะหลายอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ เย็นขึ้นมารับใช้เธออย่างใกล้ชิดด้วยกิริยามารยาทที่เรียบร้อยไม่มีที่ติ ไม่ว่าเธอจะเรียกหาเอาอะไรก็ได้อย่างใจทุกอย่าง แม้กระทั่งมาลัยไหว้พระ เย็นก็สามารถร้อยให้เธอได้อย่างงดงาม จนเธอไว้ใจเรียกให้เย็นมานอนเป็นเพื่อนเธอเวลาที่ท่านเจ้าคุณไปนอนค้างที่เรือนเล็กของคุณสาลี่กับบุญมี
และในคืนนี้ก็เช่นกัน ที่คุณหญิงแย้มสั่งให้เย็นขึ้นมานอนเป็นเพื่อนเธอ แต่วันนี้เย็นขึ้นมาช้าผิดปกติจนคุณหญิงเอ่ยปากถามอย่างสงสัยว่าทำไมเย็นถึงมาช้า เย็นจึงเล่าให้คุณหญิงฟังว่า เป็นเพราะเธอเจอบุญมีมาด้อมๆ มองๆ อยู่ที่พุ่มไม้ข้างๆ เรือนใหญ่
"เอ๊ะ ไหนว่าตกบันไดแท้งลูก ทำไมถึงได้แข็งแรงเร็วนัก"
คุณหญิงแย้มบ่นอย่างสงสัยแต่เย็นกลับตอบไปอีกทาง
"คุณหญิงนอนเถอะนะเจ้าค่ะ"
ว่าแล้วเย็นก็ช่วยคลี่ผ้าห่มออกห่มให้คุณหญิงที่เอนตัวลงอย่างว่าง่ายแต่ก็ยังกล่าวต่อ
"ข้าอยากมีลูก"
เย็นชะงักงันกับน้ำเสียงเศร้าๆ ของคุณหญิงแย้มนิดหนึ่ง คุณหญิงจึงกล่าวต่อ
"จริงๆ นะเย็น ข้าอยากมีลูกเหลือเกิน"
"อีกหน่อยคุณหญิงก็คงจะมีเองเจ้าค่ะ" เย็นปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"เมื่อไหร่ล่ะ เมื่อไหร่ข้าจะมีลูกกับเขาบ้างฮึเย็น" คุณหญิงย้อนถามด้วยน้ำเสียงเครือจัด
"บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ คุณหญิงนอนเถอะนะเจ้าคะ บ่าวจะกล่อมให้"
"เอ็งกล่อมเป็นด้วยหรือ"
เย็นคลี่ยิ้มออกมาด้วยสีหน้าเศร้าหมอง น้ำตาเอ่อขึ้นมากลบนัยน์ตาก่อนตอบ
"เจ้าค่ะ บ่าวจำได้ แม่เคยกล่อมบ่าวตอนเด็กๆ"
จากนั้นเย็นก็ร้องเพลงกล่อมที่แม่ล้วนเคยร้องกล่อมให้เธอนอนให้คุณหญิงฟังทั้งน้ำตา เพราะเย็นคิดถึงบ้าน คิดถึงแม่ ความทุกข์โศกที่อยู่ในใจของเย็นนั้นมากมายนัก
บ่ายวันหนึ่งขณะที่เย็นนั่งร้อยมาลัยให้คุณหญิงแย้มอยู่ที่ชานนั่งเล่น คุณสาลี่ก็เดินนวยนาดนำหน้าบ่าวคนสนิทขึ้นมาพบคุณหญิงแย้มบนเรือน และกล่าวขอเงินค่าเลี้ยงดูบุญมี โดยบอกว่าหากคุณหญิงไม่ให้เธอก็จะไปขอกับท่านเจ้าคุณเอง เพราะทุกวันนี้ท่านเจ้าคุณก็ไปนอนค้างที่เรือนของเธอมากกว่าที่จะนอนอยู่ที่เรือนใหญ่อยู่แล้ว คำพูดของคุณสาลี่ทำให้คุณหญิงแย้มนั่งนิ่งขึงด้วยความทุกข์ใจและเสียใจ
"อิฉันน่ะเห็นใจคุณพี่จริงๆ นะคะ อากาศเย็นๆ อย่างนี้ แต่ต้องนอนคนเดียวทุกคืนน่ะคงเปล่าเปลี่ยวทีเดียวนะเจ้าคะ" คุณสาลี่ถากถางคุณหญิงอย่างสนุกปาก
เย็นเงยหน้าจึ้นจ้องมองคุณสาลี่ด้วยความโกรธแทนคุณหญิงที่เอาแต่นั่งนิ่งขึง แล้วเย็นก็เอ่ยขึ้นลอยๆ "ปากเหม็น"
คุณสาลี่หันขวับไปจ้องหน้าเย็นแล้วตะคอกใส่ "เอ็งว่าใครอีเย็น"
"ใครก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ ตัวอยู่ตรงโน้น แต่พอพูดออกมาปากเหม็นมาถึงตรงนี้"
ยายฟักและบ่าวคนอื่นๆ ตกตะลึงกับความอาจหาญของเย็น ในขณะที่คุณสาลี่ถลาเข้าไปจะตบเย็น คุณหญิงแย้มก็ลุกขึ้นยืนและเอ่ยปากบอกให้คุณสาลี่หยุดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ คุณสาลี่ชะงักและหันมามองหน้าคุณหญิงอย่างเกรงๆ ก่อนจะขึ้นเสียงบอก
"อีเย็นมันด่าอิฉัน"
"กลับไป" คุณหญิงแย้มเน้นเสียงหนักๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"คุณพี่เข้าข้างอีบ่าว อีทาสหรือคะ"
"ฉันบอกให้กลับไป"
คุณหญิงแย้มกล่าวพลางจ้องหน้าคุณสาลี่ด้วยสีหน้านิ่งสงบแววตาเย็นเยียบ ในขณะที่คุณสาลี่นั้นแววตาลุกโชนราวกับมีไฟสุมอยู่ ซึ่งสุดท้ายคุณสาลี่ก็จำต้องถอยทัพกลับไป เพราะไม่ว่าอย่างไรคุณสาลี่ก็ยังเกรงคุณหญิงแย้มอยู่นั่นเอง
หลังจากที่คุณสาลี่กลับไปแล้ว เย็นประคองคุณหญิงแย้มเข้าไปนั่งพักที่ในห้องด้านในพลางปลอบด้วยความเป็นห่วงคุณหญิงที่เอาแต่นิ่งขึง
"คุณหญิงอย่าไปฟังมัน เอ๊ย เขานะเจ้าคะ ท่านเจ้าคุณรักคุณหญิงมากบ่าวรู้"
น้ำตาของคุณหญิงรื้นเต็มขอบตาด้วยความทุกข์อย่างแสนสาหัสก่อนจะพึมพำตอบ
"เอ็งไม่รู้หรอก"
"บ่าวรู้เจ้าค่ะ ท่านเจ้าคุณรักคุณหญิงมาก แล้วคุณหญิงอยากมีลูก ถ้าบ่าวมีลูก บ่าวจะยกให้คุณหญิง" เย็นตอบคุณหญิงด้วยความรักและภักดีอย่างจริงใจ
คุณหญิงแย้มชะงักและจ้องหน้าเย็นอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะถาม "เอ็งพูดจริงๆ หรือ"
"จริงเจ้าคะ"
เย็นตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทำให้คุณหญิงแย้มน้ำตาหยดด้วยความตื้นตัน เธอยกมือขึ้นลูบหัวเย็นที่นั่งหมอบลงนวดเท้านวดขาให้เธออย่างภักดีด้วยความเมตตา
เย็นสังเกตเห็นว่าคุณหญิงแย้มนั้นเศร้าหมองและทุกข์โศกจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ แถมยังถูกคุณสาลี่มาระรานจนถึงเรือนใหญ่ เธอจึงไปคอยดักพบท่านเจ้าคุณสีหโยธินในตอนเย็นวันเดียวกันนั้นก่อนที่ท่านเจ้าคุณจะเดินไปยังเรือนของคุณสาลี่ โดยเย็นบอกกับท่านเจ้าคุณที่ชะงักมองหน้าเย็นอย่างแปลกใจว่า
"คุณหญิงรับประทานข้าวไม่ค่อยลงเจ้าค่ะ"
"นังใบทำกับข้าวไม่อร่อยกระมัง" ท่านเจ้าคุณตอบอย่างอารมณ์ดี
"อร่อยเจ้าค่ะ แต่ ท่านเจ้าคุณไม่ค่อยอยู่รับประทานด้วย"
ท่านเจ้าคุณนิ่งอึ้งมองหน้าเย็นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะออกเดินต่อ เย็นถลาออกไปขวางหน้าแล้วเอ่ยปากขอร้อง
"ท่านเจ้าคะ อย่าไปเลยเจ้าค่ะ"
"แล้วมันกงการอะไรของเอ็ง"
ท่านเจ้าคุณว่าก่อนเดินหลีกเย็นที่ยืนนิ่งหน้าสลดออกไป โดยมีสายตาของของเย็นมองตามไปด้วยความเศร้าใจ
ขณะที่ท่านเจ้าคุณนั่งรับประทานอาหารเย็นอยู่กับคุณสาลี่ที่เรือนเล็กนั้น ท่านเจ้าคุณเฝ้าแต่ครุ่นคิดถึงคำพูดของเย็นที่มาพูดขอร้องท่านไม่ให้มาที่เรือนหลังเล็ก

เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่คุณสาลี่เดินไปส่งท่านเจ้าคุณกลับเรือนใหญ่ บุญมีก็หอบข้าวของสมบัติส่วนตัวขึ้นมาที่เรือนของคุณสาลี่ โดยบอกกับบ่าวไพร่ว่าเธอจะขึ้นมาอยู่ที่เรือนหลังนี้ นังแอบจึงรีบวิ่งไปรายงานคุณสาลี่ที่เดินกลับเรือนมาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
คุณสาลี่เดินหน้าบึ้งตึงขึ้นมาบนเรือนด้วยความโมโห แต่บุญมีก็ไม่สะทกสะท้านกับสีหน้าและอารมณ์ของคุณสาลี่ บุญมีลอยหน้าลอยตาบอกคุณสาลี่ว่า
"ก็อย่างที่อิฉันบอกน่ะค่ะ อิฉันเป็นเมียท่านเจ้าคุณเหมือนกันกับคุณพี่ จะให้อยู่เรือนซอมซ่อหลังแค่นั้นคงไม่งาม อีกอย่าง กว่าท่านเจ้าคุณจะเดินไปถึงเรือนอิฉัน คุณพี่ก็ขวางเอาไว้ก่อนทุกที อยู่ด้วยกันอย่างนี้แหละยุติธรรมดีแล้ว"
"อี..." คุณสาลี่โกรธจนพูดไม่ออก
"อย่าขึ้นไอ้ขึ้นอีซิคะ ทั้งคุณพี่แล้วก็อิฉัน เราต่างก็เป็นเมียท่านเจ้าคุณเหมือนกัน อ้อ! ยังมีอีกนิดหนึ่ง สร้อยเส้นนี้ท่านเจ้าคุณฝากคุณพี่ให้อิฉัน ใช่มั้ยคะ ท่านเจ้าคุณบอกอิฉันเอง อิฉันเห็นแก่หน้าคุณพี่เลยไม่ได้เรียนท่านไปว่า คุณพี่มาพูดเอาดีใส่ตัวกับอิฉันอย่างไร เอ๊ะ หรือจะบอกดี"
คุณสาลี่กับนังแอบสะดุ้งเฮือกและพานพูดอะไรไม่ออก นอกจากสะบัดเสียงบอกบุญมีว่า
"อย่านะ หล่อนจะอยู่ห้องนี้ก็อยู่ไป"
แล้วคุณสาลี่ก็ได้แต่เดินสะบัดหน้ากลับเข้าห้องตนเองไป ทิ้งให้บุญมีหัวเราะออกมาอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่ากับนังป่วนที่พึมพำออกมาด้วยสีหน้าไม่เห็นด้วยว่า
"คุณไม่น่าทำอย่างนั้น"
บุญมีจ้องหน้านังป่วนอย่างขัดใจก่อนจะตวาด "กูจะทำ เพราะถ้าไม่ทำ นังสาลี่มันจะข่มกูไม่มีที่สิ้นสุด"
คุณหญิงยิ้มนั้นยุให้คุณหญิงแย้มยกเย็นให้ท่านเจ้าคุณสีหโยธินทุกครั้งที่คุณหญิงแย้มไปหาด้วยความทุกข์ใจเกี่ยวกับเรื่องท่านเจ้าคุณสีหโยธิน โดยให้เหตุผลว่า
"จริงๆ นะ ทางเรือนโน้นเขามีกันตั้ง 2 คน แต่ที่เรือนแม่แย้มมีคนเดียว ท่านเจ้าคุณก็ต้องเลือกไปทางโน้นอยู่แล้ว ทีนี้แม่แย้มจะท้องได้อย่างไร ดีไม่ดี ทั้งแม่สาลี่แล้วก็แม่บุญมีเกิดท้องขึ้นมาพร้อมๆ กันมันจะยิ่งไปกันใหญ่ คิดดูอีกทีนะแม่แย้ม"
คุณหญิงแย้มกลับมาถึงบ้านก็ต้องทอดถอนใจด้วยความกลัดกลุ้มเหมือนเดิน และเมื่อเล่าเรื่องที่คุณหญิงยิ้มแนะนำให้ยายฟักฟัง ยายฟักก็ยังยืนยันความคิดเดิมที่ว่าให้ยกเย็นให้กับท่านเจ้าคุณเสีย ซึ่งคุณหญิงก็ได้แต่ส่ายหน้าพร้อมกับบอกด้วยสีหน้าหมองเศร้า
"ข้าบอกแล้วว่า ข้าไม่ชอบข่มเขาโคขืนให้กลืนหญ้า เป็นเมียบ่าวน่ะไม่ได้มีความสุขนักหรอกนะ ข้าเวทนามัน"
"คุณหญิงเจ้าขา ทาสอย่างนังเย็น ได้เป็นเมียท่านเจ้าคุณ ถึงจะเป็นเมียบ่าว แต่ก็นับว่าเป็นวาสนานะเจ้าคะ ดีกว่าเป็นเมียทาสด้วยกันเสียอีก" ยายฟักว่า
"เป็นเมียทาสด้วยกัน แต่ถ้าผัวรักเดียวใจเดียว มีเมียเพียงคนเดียว อาจจะมี
ความสุขกว่าเป็นเมียพระน้ำพระยาที่มีเมียหลายคนก็ได้"
คุณหญิงพลางน้ำตารื้นขึ้นมาด้วยความทุกข์ ทำให้ยายฟักต้องเอื้อมมือไปจับขาคุณหญิงไว้ด้วยความสงสารอย่างสุดหัวใจ คุณหญิงเอาผ้าซับหัวตาแล้วฝืนยิ้มให้ข้าเก่าที่จงรักภักดีก่อนจะบอก
"ข้าไม่เป็นไรหรอกฟัก สุดแต่เวรแต่กรรม"
ยายฟักนิ่งอึ้งอยู่อึดใจใหญ่แล้วก็ตัดสินใจบอกคุณหญิงแย้มก่อนจะคลานออกไปจากห้องว่า
"บ่าวจะลองถามนังเย็นมันดู"
คืนวันนั้นเอง ยายฟักก็เรียบๆ เคียงถามเย็นถึงเรื่องการมีคู่ครองว่าเย็นคิดอย่างไร เย็นได้แต่ส่ายหน้าแล้วบอกว่า เธอไม่เอาเด็ดขาดเพราะเธอไม่อยากเป็นอย่างแม่
"แม่ถูกพ่อตบตีแทบทุกวัน ตั้งแต่ฉันจำความได้ ไม่เคยเห็นวันไหนที่แม่ไม่ร้องไห้เลย"
เย็นตอบยายฟักพร้อมๆ กับน้ำตาที่เอ่อคลอ ทำให้ยายฟักมองสาวรุ่นด้วยความเวทนา แต่ก็ยังตะล่อมเย็นต่อ
"ผู้ชายที่เขาไม่ตบตีเมียก็มี"
"ใครล่ะจ๊ะ ผู้ชายแถวบ้านฉันเป็นอย่างนั้นหมด กินเหล้า เล่นถั่วเล่นโป แล้วกลับมาตบตีลูกเมีย" เย็นตอบพลางเช็ดน้ำตาที่ไหลรินด้วยความทุกข์
ยายฟักนิ่งอึ้งอยู่อึดใจก่อนจะตัดสินใจโพล่งออกไป
"แต่ท่านเจ้าคุณท่านไม่เคยทำอย่างนั้น ท่านรักคุณหญิงของท่านมาก"
"รักมากแล้วทำไมมีเมียหลายคน ท่านไม่ตบตีคุณหญิง แต่ท่านก็ทำให้คุณหญิงเสียใจบ่อยๆ ฉันรู้นะยาย"
คำตอบแกมคำถามของเย็นทำให้ยายฟักถึงกับอึ้งเพราะไม่สามารถตอบเย็นได้
เวลาผ่านไปจนถึงฤดูเก็บเกี่ยว ที่บ้านของพ่อยิ่งและแม่ล้วน เมื่อเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จ พ่อยิ่งก็ไม่หายจากอาการปวดท้อง แม่ล้วนจึงต้องวานให้ลุงสมซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกับยืนที่เป็นพี่ชายของเย็นพายเรือเอาข้าวไปส่งให้ท่านเจ้าคุณสีหโยธินที่บ้าน เย็นรีบวิ่งไปพบพี่ชายทันทีที่รู้ข่าวว่ายืนเอาข้าวมาส่งแทนพ่อกับแม่ เพราะพ่อไม่สบายมาก พร้อมกับถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา
"งั้น ก็ยังไถ่ตัวฉันไม่ได้ใช่ไหม"
ยืนพยักหน้ารับ เพราะพูดไม่ออกด้วยความสงสารน้องสาวคนเดียวของเขา หนุ่มลูกทุ่งอึ้งอยู่อึดใจใหญ่ก่อนจะบอกน้องด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ
"แต่เอ็งอยู่ที่นี่น่าจะดีกว่าอยู่บ้านนะ พ่อบอกว่าเอ็งจะมีวาสนา เพราะตอนพาเอ็งมา เจ้าคุณท่านมองเอ็งบ่อยๆ"
เย็นจ้องหน้าพี่ชายตาค้างพร้อมๆ กับภาพของท่านเจ้าคุณที่คอยมองเธออย่างใส่ใจผ่านแว่บเข้ามาในความคิด เธอนิ่งไปจนยืนสงสัย
"เย็น! เย็น เป็นอะไรไปหรือเปล่า"
เย็นเกือบสะดุ้งเธอรีบปฏิเสธ ว่าไม่ได้เป็นอะไรนอกจากคิดถึงพ่อกับแม่และอยากกลับไปอยู่บ้าน แม้จะอดอยากยากจน แต่ก็มีความสุขไปตามประสา ยืนอึ้งไปอีกครั้งด้วยความสงสารน้อง และให้คำมั่นสัญญาก่อนที่จะลาเย็นกลับไปว่า จะพยายามเก็บเงินมาไถ่ตัวเย็นให้ได้ไม่ว่าจะนานแค่ไหน

นับวันท่านเจ้าคุณก็มีความพึงพอใจในตัวเย็นมากขึ้นทุกที เพราะด้วยความกล้าของเย็นที่กล้าต่อปากต่อคำกับท่านด้วยความซื่อและพูดจาตรงไปตรงมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโอกาสได้แตะเนื้อต้องตัวอย่างบังเอิญและเย็นมีอาการตระหนกตกประหม่าก็ยิ่งทำให้ท่านเจ้าคุณมีความต้องการในตัวเย็นมากขึ้น จนท่านเจ้าคุณเก็บความต้องการนั้นไว้ไม่ได้ต้องเอ่ยปากขอเย็นกับคุณหญิงแย้มในคืนวันหนึ่งที่ท่านเจ้าคุณมานอนค้างที่เรือนหลังใหญ่
ทำให้คุณหญิงแย้มถอนใจอย่างโล่งอกแม้ว่าจะสะเทือนใจกับคำขอนั้นมิใช่น้อย เพราะคุณหญิงแย้มไม่ต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปากยกเย็นให้ท่านเจ้าคุณเอง ด้วยว่าคุณหญิงเองก็กำลังคิดจะเอ่ยปากยกเย็นให้ท่านเจ้าคุณตามที่คุณหญิงยิ้มและยายฟักแนะนำ แกมเคียวเข็ญให้ทำเสียโดยเร็วก่อนที่บุญมีกับคุณสาลี่จะท้อง โดยเฉพาะยายฟักนั้นรับรองเย็นแล้วรับรองอีกว่า
"นังเย็นมันไม่เหมือนคุณสาลี่หรอกเจ้าค่ะ"
"ตอนแรกๆ แม่สาลี่ก็ดี" คุณหญิงแย้มบอกยายฟักอย่างลังเล
"คุณสาลี่เธอไม่ใช่บ่าวเหมือนนังเย็น มันทั้งซื่อสัตย์และกตัญญู แล้วก็รักคุณหญิงมาก บ่าวเชื่อว่าบ่าวมองคนไม่ผิดหรอกเจ้าค่ะ"
ยายฟักรับรองด้วยน้ำเสียงหนักแน่น อีกทั้งคุณหญิงยิ้มก็เคยได้มาดูตัวเย็นแล้วและคุณหญิงยิ้มก็สนับสนุนและลงความเห็นว่าเย็นเหมาะสมเพราะดูท่าซื่อสัตย์และคงไม่ทรยศคุณหญิงแย้มแน่นอน ทำให้คุณหญิงแย้มตกลงใจที่จะบอกยกเย็นให้ท่านเจ้าคุณ แต่ท่านก็ชิงบอกมาเสียก่อน ทำให้คุณหญิงดีใจที่เป็นความประสงค์ของท่านเจ้าคุณเองมิใช่เธอเจ้ากี้เจ้าการหาเมียน้อยให้ท่าน เมื่อท่านเจ้าคุณเอ่ยปากขอเย็น คุณหญิงจึงกล้ำกลืนความเศร้าใจเสียใจไว้แล้วฝืนยิ้มให้ท่านเจ้าคุณก่อนจะกล่าวตอบ
"อะไรที่ทำให้คุณพี่มีความสุข อิฉันให้ได้ทุกอย่างค่ะ"
ท่านเจ้าคุณรวบร่างอันแบบบางของคุณหญิงแย้มมากอดไว้อย่างดีใจแล้วพร่ำขอบใจก่อนที่จะประคองพาคุณหญิงไปที่เตียงนอน
เช้าวันรุ่งขึ้น คุณหญิงแย้มเรียกยายฟักไปกระซิบบอกเรื่องที่ท่านเจ้าคุณขอเย็น แล้วก็สั่งให้ยายฟักพาบ่าวไพร่ไปจัดการเปิดเรือนกลางที่อยู่ถัดจากเรือนหลังใหญ่และทำความสะอาดให้เรียบร้อย
จากนั้นคุณหญิงก็สั่งให้บุ้งไปตามแม่ชะม้อยช่างตัดเสื้อประจำท่านเข้ามาพบ จากนั้นคุณหญิงก็เอาผ้าลูกไม้สีสวยๆ มากมายหลายชิ้นออกมาส่งให้แม่ชะม้อยดูพร้อมกับถามว่าสวยไหม แม่ชะม้อยรับผ้าลูกไม้มาคลี่ดูพร้อมกับตอบ
"งามเจ้าคะ งามมาก คุณหญิงจะใช้เมื่อไหร่เจ้าคะ"
"ข้าไม่ได้ใช้หรอก"
คุณหญิงตอบยิ้มๆ ทำให้ช่างตัดเสื้อประจำตัวคุณหญิงมองหน้าคุณหญิงอย่างงุนงง คุณหญิงจึงเรียกแม่ชะม้อยให้กระเถิบเข้าไปใกล้ๆ แล้วกระซิบสั่งความพร้อมกับพยักพเยิดไปทางเย็นที่เดินขึ้นเรือนมาเพื่อคอยรับใช้คุณหญิงพอดี
"จำไว้ว่าอย่าให้เรื่องนี้รู้ไปถึงหูใครทีเดียวนะ" คุณหญิงกำชับช่างเสื้อ
คุณสาลี่และบุญมี ต่างก็พากันสงสัยว่าทางเรือนใหญ่จะมีงานอะไร เพราะคุณหญิงสั่งเปิดเรือนกลาง แถมยังมีช่างเสื้อประจำตัวเข้ามารับผ้าไปตัดเสื้อใหม่อีกด้วย คุณสาลี่ใช้นังแอบบ่าวคนสนิทมาสืบถามแต่ก็ไม่ได้เรื่อง เพราะแม้แต่บ่าวทางเรือนใหญ่เองก็ยังไม่รู้ว่าคุณหญิงสั่งทำความสะอาดเรือนกลางทำไม และเรียกช่างตัดเสื้อมาทำอะไร คุณสาลี่อดรนทนความอยากรู้ของตนเองไม่ไหวจึงเดินมาที่เรือนหลังใหญ่และถามคุณหญิงแย้มตรงๆ หลังจากที่ถามช่างตัดเสื้อที่สวนกันที่บันไดแล้วแต่ไม่ได้ความ
"อิฉันอยากรู้ว่าจะมีงานอะไร พวกบ่าวไพร่ถึงได้จัดเรือนกันโกลาหลไปหมด"
คุณหญิงแย้มยิ้มเหมือนจะเยาะก่อนจะตอบสั้นๆ "เอาไว้แม่สาลี่ก็จะรู้เอง"
"แต่อิฉันอยากรู้เดี๋ยวนี้ อิฉันเป็นเมียของท่านเจ้าคุณเหมือนกัน จะจัดงานอะไรในบ้านอิฉันย่อมมีสิทธิ์ที่จะรู้" คุณสาลี่ขึ้นเสียงด้วยสีหน้าบึ้งตึง
"แต่ฉันไม่มีสิทธิ์จะบอก เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของท่านเจ้าคุณ"
คุณสาลี่เบิกตากว้างก่อนจะละล่ำละลักถามด้วยความอยากรู้
"เรื่องส่วนตัวอะไรคะ"
"ถ้าแม่สาลี่อยากรู้จริงๆ ก็คงต้องไปถามท่านเจ้าของงานเอาเอง"
กล่าวจบคุณหญิงก็เดินหันหลังกลับเข้าเรือนไปอย่างไม่สนใจทำให้คุณสาลี่แทบจะเต้นด้วยความโกรธ เธอตะโกนไล่หลังคุณหญิงไปอย่างแค้นๆ
"อย่าหมายว่าจะปิดอิฉันได้เลย อิฉันจะต้องรู้ให้ได้"
เรื่องเปิดเรือนกลางทำความสะอาด และเรียกช่างเสื้อประจำตัวเข้ามาซุบซิบสั่งความนั้น ทำความสงสัยให้กับทุกคนไม่เว้นแม้แต่เย็น แต่ทุกคนก็ไม่ได้รับความกระจ่างเหมือนกันหมดทุกคนไม่เว้นแม้แต่เย็น ที่เฝ้าถามยายฟักว่าเพราะอะไรทั้งคุณหญิงแย้ม ทั้งยายฟักและช่างเสื้อของคุณหญิงถึงได้มองเธอแปลกๆ แต่ยายฟักก็บอกปัดไปว่า จะบอกให้เย็นรู้ในวันหลัง และพอเย็นเซ้าซี้ถาม
ยายฟักก็ตัดบทว่า "พอที พอที ลูกอีช่างซัก"
แล้วยายฟักก็ลุกขึ้นเดินหนีลงเรือนไป ทิ้งให้เย็นและละออมองตามหลังแกไปอย่างงงๆ
เย็นวันต่อมาซึ่งเป็นวันที่ท่านเจ้าคุณสีหโยธินจะต้องไปค้างที่เรือนเล็กของคุณสาลี่ แต่คุณหญิงแย้มได้เชิญคุณหญิงยิ้มและท่านเจ้าคุณอภัยผู้เป็นพี่เขยมารับประทานอาหารเย็นที่บ้าน ทำให้ท่านเจ้าคุณต้องอยู่ร่วมรับประทานอาหารเย็นและพูดคุยกับท่านเจ้าคุณอภัยและคุณหญิงยิ้มผู้เป็นพี่เมีย
คุณสาลี่นั้นโกรธจัดจนกินข้าวปลาไม่ลงเมื่อรู้ว่าท่านเจ้าคุณไม่มาที่เรือนเล็ก ไม่ว่านังแอบจะเซ้าซี้ให้กินอาหารอย่างไร คุณสาลี่ก็ไม่ยอมกิน เธอตวาดใส่หน้านังแอบที่มาเซ้าซี้ว่า
"เอ๊ะ! ก็กูบอกแล้วไงว่า กูไม่กิน! ถ้าคุณพี่ไม่มา กูจะไม่กิน"
"วันนี้คงจะมาไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ เพราะเจ้าคุณอภัยกับคุณหญิงยิ้มมารับประทานข้าวด้วย" นังแอบรายงาน
"นังแย้มกับนังยิ้มมันสมคบกันชวนเจ้าคุณอภัยมา ท่านเจ้าคุณจะได้มาหาข้าไม่ได้ ข้ารู้นะ นังแอบ คุณพี่ก็อยากมาหาข้าแต่ติดที่นังยิ้มกับผัวมัน"
คุณสาลี่บอกนังแอบอย่างที่คิดเข้าข้างตนเอง ทำให้นังแอบถึงกับน้ำตาคลอด้วยความสงสารนาย แต่ในขณะที่นังแอบแสนจะสงสารคุณสาลี่ บุญมีกลับบอกนังป่วนอย่างสะอกสะใจเป็นยิ่งนักว่า "สมน้ำหน้า! ข้าละสะใจนัก!"
นังป่วนเหลือบตามองบุญมีแล้วก็กล่าวออกมาตามความเป็นจริง
"ท่านไม่มาหาคุณสาลี่ ก็คือไม่มาหาคุณด้วย คุณก็อยากให้ท่านมาเหมือนกัน ใช้ความดีซิเจ้าคะ ใช้ความดีเอาชนะใจ"
บุญมีถึงกับหมดความอดทนตวาดออกมาด้วยหงุดหงิดและโมโห
"พอที! มึงเห็นว่ากูชั่วนักหรือไร อีป่วน! ไปเลย! จะไปบวชที่วัดไหนก็ไปไป๊ นังชีป่วน มึงอยู่ด้วยแล้วเหมือนกู
ชั่วช้าเสียเหลือเกิน ไป๊"
-
โปรดติดตามตอนต่อไป
ที่มา : http://www.oknation.net/blog/lakorn/