เธอคือชีวิต ตอนที่ 2

เอื้อเฟื้อเข้ามาเยี่ยมรวิชาที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่ในห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน และได้พบกับรวีพ่อของรวิชา เอื้อรีบเข้าไปไหว้รวีพร้อมกับแนะนำตัว รวีรับไหว้แล้วตีหน้าขรึมบอกกับเอื้อเฟื้อว่า
"รวิชากระเด็นออกจากรถ ขาหัก หัวสมองได้รับความกระทบกระเทือนรู้สึกตัวบ้างเป็นบางครั้ง แต่ยังพูดไม่ได้เอื้อเฟื้อ"
"คุณพ่อของเอื้อ ฝากมาแสดงความเสียใจกับคุณลุง” เอื้อเฟื้อบอกต่อ
"ลุงก็ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวหนูด้วยที่เสียปกป้องไปแล้วลุงจะไปฟังสวดนะ จริงๆ มีเรื่องต้องคุยกับคุณพ่อหนูเหมือนกัน" รวีมองหน้าเอื้อเฟื้อแล้วตัดสินใจไม่พูดต่อเรื่องที่รวิชาท้อง เพราะคิดว่ายังไม่สมควร ทำให้เอื้อเฟื้อนึกสงสัย
อรอินทุ์ถูกพาตัวที่ห้องฉุกเฉิน เพราะหมอสันนิษฐานว่าเธอถูกไฟฟ้าช็อต และเมื่ออรอินทุ์ก็รู้สึกตัว โตมรรีบเข้าไปถามอาการ อรอินทุ์บอกว่า มึนหัวนิดหน่อยแล้วลุกเดินหนีเพราะไม่อยากให้หมอรักษา โตมรหันมาขอบคุณหมอแล้ววิ่งตามอรอินท์ไป อรอินทุ์บอกกับโตมรว่า คราวนี้แขไขส่งภาพในอดีตมาให้เธอเห็น โตมรนึกสงสัย เพราะอาการของอรอินทุ์ดูแย่ลงกว่าคราวที่แล้วมาก อรอินทุ์นึกถึงเหตุการณ์ที่โดนแขไขชาร์ตไฟใส่แล้วอธิบายว่า
"ทุกครั้งที่ชาร์ตไฟกัน เล็กจะอ่อนแอลง แต่ย่าแขจะเข้มแข็งขึ้น"
"มิน่าเมื่อกี๊ ย่าแขลืมตา คราวที่แล้วยกมือได้ คราวนี้ลืมตาได้ ปรกติแค่จะพลิกแขนยังทำไม่ได้เลย" โตมรเห็นด้วย
อรอินทุ์พยักหน้าบอกต่อว่า "เราคงใช้วิธีนี้ไม่ได้บ่อยนัก ถ้าเล็กชาร์ตไฟกับท่านบ่อยๆ ดวงจิตของเล็กอาจถูกทำลายได้"
"นี่ตกลง ทั้งหมดเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือ" โตมรไม่อยากเชื่อ
"โต เล็กเบื่อที่จะพูดแล้วนะ เมื่อไหร่จะเชื่อกันบ้าง จะให้ย่าแขตายไปก่อนหรือยังไง" อรอินทุ์เริ่มเสียงดัง
โตมรมองอรอินทุ์ครุ่นคิดหาวิธีพิสูจน์ แล้วเขาก็ชวนเธอกลับ เพราะจำได้ว่ามีรูปวาดฝีมือของแขไขเก็บไว้ที่เรือนท้ายสวน
โตมรพิสูจน์ความจริงด้วยการให้อรอินทุ์บอกมาว่า สภาพบ้านในอดีตของแขเป็นอย่างไร ซึ่งอรอินทุ์ก็บอกได้ถูกต้องและตรงกับรูปภาพที่แขไขเคยวาดไว้ไม่ผิดเพี้ยนทำให้โตมรต้องอึ้ง
"ตัวเล็กยังเห็นหน้ารุจด้วยนะ หรือว่า" อรอินทุ์นึกได้รีบไปค้นภาพจากกองที่เป็นฝีมือของแขไขแล้วเธอก็เจอภาพที่ต้องการ
"นี่ไงรุจ คนนี้คือรุจ" อรอินทุ์โชว์ให้โตมรดู โตมรยืนตะลึงรู้สึกสนใจภาพชายคนนั้นขึ้นมาจึงรีบค้นรูปจากมุมต่างๆ ของบ้านมาเพิ่มเติม
"ย่าแขไขวาดรูปผู้ชายคนนี้เยอะแยะไปหมด ท่านคงรักรุจมาก" โตมรมองรูปที่ค้นมาได้
"เห็นไหมคราวนี้เชื่อหรือยัง เชื่อแล้วใช่ไหมว่าเล็กพูดความจริง เชื่อแล้วใช่ไหม ว่าย่าแขรอรุจ ย่าแขต้องพบรุจให้ได้ ไม่งั้นย่าแขจะต้องป่วยตลอดไป ไม่มีทางฟื้นขึ้นมาได้อีก" อรอินทุ์ยืนยัน โตมรได้แต่ถอนใจเพราะเรื่องเหลือเชื่อกำลังเกิดขึ้นกับตนทำเอาพูดไม่ออก
โตมรเดินหน้าเครียดออกมาจากในบ้าน อรอินทุ์ตามมาเรียกเพราะคิดว่าโตมรยังไม่เชื่อ โตมรหันมาถามอรอินทุ์ว่า ยมทูตแต่งตัวยังไง อยู่กันยังไง อรอินทุ์ยิ้มออกรับรู้ว่าโตมรเชื่อที่เธอพูดแล้วจึงตอบว่า
"มนุษย์มีความรู้เล็กๆ น้อยๆ ก็นึกว่าตนนั้นยิ่งใหญ่ โลภโมโทสันและ
เอาเปรียบธรรมชาติตลอดเวลา แท้จริงแล้วความรู้ของมนุษย์แค่หางอึ่ง แม้แต่เทวดาที่อยู่รอบตัวเขา ยังมองไม่เห็น"
"แม้แต่ที่เรายืนอยู่ก็มีเทวดางั้นหรือ"
"ใช่ มีทั้งรุกขเทวดา เทวดาเจ้าที่ ยมทูตและอื่นๆ อีกมากมาย" อรอินทุ์มองออกไปเห็นเทวดา เจ้าที่และยมทูตต่างก็กำลังทำหน้าที่ของตน โตมรถามต่อว่า อรอินทุ์อยากกลับไปเป็นเทวดาไหม
"ที่นี่ตัวเล็กไม่รู้จักใคร แม้จะชอบความเป็นมนุษย์ แต่ก็อยากกลับบ้าน ตอนนี้เล็กสับสน ย่าแขอยากให้ช่วย แต่คุณแสงอยากให้เลิกยุ่ง เฮ้อ เล็กยังไม่รู้จะเชื่อใครดีเลย" อรอินทุ์กลุ้ม
โตมรพาอรอินทุ์มาช่วยงานที่วัดและโดนเพื่อนๆ แซว โตมรรีบออกตัวว่าอรอินทุ์เป็นน้องสาวของเขา เพื่อนๆ จึงเข้าไปรุมจีบและขอเบอร์อรอินทุ์ แต่อรอินทุ์กลับบอกทุกคนว่า ให้โทรมาที่เบอร์ของโตมรเพราะเธอเป็นแฟนของเขา ทำให้เพื่อนๆ ของโตมรจ๋อย โตมรเดินเข้าไปปลอบใจเอื้อเฟื้อที่ยืนร้องไห้อยู่หน้าศพปกป้อง และบังเอิญ ญาติผู้ใหญ่ฐานะดีเดินเข้ามาทักเอื้อเฟื้อ ปัณรสีจึงรีบเข้ามาประจบเพราะหวังเอาหน้า ญาติผู้ใหญ่หันไปทักโตมร เพราะรู้สึกคุ้นหน้าและเข้าใจว่าอาจเป็นญาติกัน แต่ปัณรสีรีบกันท่าบอกว่า โตมรเป็นแค่คนใช้แล้วไล่ให้โตมรกลับไปช่วยงานในครัว โตมรก้มหน้ารับคำสั่งแล้วเดินออกไป เอื้อเฟื้อมองตามอย่างไม่พอใจ และเมื่อญาติผู้ใหญ่เดินออกไปแล้ว เธอก็จะหันมาเล่นงานปัณรสีแต่ปัณรสีชิงพูดขึ้นก่อนว่า
"อย่าหาว่าน้าเตือนเลยนะคะ ตระกูลเราเก่าแก่มีหน้ามีตา หนูเอื้อต้องรู้จักวางตัว จะนับญาติกับใคร ให้สมฐานะหน่อยก็ดีนะคะ" เอื้อเฟื้อจึงได้แต่แค้นใจ
ปัณรสีเดินเข้ามาในงานเห็นโตมรเข้ามาช่วยจิรายุรับพวงหรีดและซองจากแขกที่มาร่วมงานก็เข้าไปไล่โดยอ้างว่า ไม่เหมาะสมเพราะไม่อยากให้แขกเข้าใจผิดว่ามีญาติเป็นเด็กบ้านนอก ทำให้โตมรจ๋อยหนักขึ้นรีบก้มหน้าเดินหนีไป อรอินทุ์ที่เสริฟน้ำอยู่แถวนั้น เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว เธอมองตามอย่างครุ่นคิดเพราะไม่เข้าใจปัณรสี แล้วอรอินทุ์ก็ตามไปปลอบใจโตมรพร้อมกับถามว่า โตมรเคยผิดใจหรือทำอะไรปัณรสีหรือเปล่า ทำไมปัณรีสีถึงเกลียดโตมร โตมรยิ้มเศร้าแล้วสอนอรอินทุ์ว่า
"ตัวเล็กชอบการเป็นมนุษย์มากใช่ไหม งั้นตัวเล็กรู้ไว้เถอะ มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่สามารถอิจฉาริษยา และทำร้ายกันได้โดยไม่มีเหตุผล ในชีวิตของเรา ไม่ได้มีแค่คุณปัณหรอก เราเจอคนดูถูกรังเกียจเรา เพียงเพราะเราจน เราเป็นคนบ้านนอก เยอะแยะ" อรอินทุ์ฟังแล้วก็เศร้าไปและรู้สึกสงสารโตมรมาก
เมื่อกลับมาถึงบ้าน อรอินทุ์ก็อดคิดถึงเรื่องของแขไขไม่ได้ เธอยืนมองรูปรุจที่วางเรียงกันอยู่บนขาตั้ง ด้วยความสับสนเพราะไม่รู้ว่าจะช่วยแขไขดีหรือไม่ แล้วในที่สุดอรอินทุ์ก็ร้องเรียกแสงเพื่อขอร้องให้แสงยอมยอมปล่อยให้แขไขได้เจอรุจสักครั้งเพื่อให้ทุกอย่างจะได้จบลงด้วยดี แต่แสงไม่ยอม เขาโกรธมากที่อรอินท์คิดจะช่วยเหลือแขไขจึงจะใช้อำนาจทำลายรูปของรุจและจะทำร้ายอรอินทุ์
และในระหว่างที่อรอินทุ์กำลังร้องขอชีวิตและขอร้องให้แสงยอมปล่อยแขไขไป โตมรก็กำลังฝันเห็นภาพเห็นการณ์ในอดีต เมื่อครั้งที่รุจเข้าไปคุยกับพ่อของแขไขเพื่อขอแต่งงานกับเธอ แต่โดนปฏิเสธ เพราะพ่อต้องการให้แขไขแต่งงานกับหมอจิรัชย์ชายที่เหมาะสมและคู่ควร หมอจิรัชย์ที่นั่งอยู่ด้วยตกใจมากเมื่อรู้ว่าแขไขกับรุจรักกัน แขไขหันมาอ้อนวอนให้จิรัชย์เห็นแก่ความรักของเธอกับรุจ หมอจิรัชจึงยื่นข้อเสนอว่า ให้รุจไปพบเขาที่บ้านในวันพรุ่งนี้ตามลำพังเพื่อตกลงกันตามประสาลูกผู้ชาย
รุจยอมไปพบจิรัชย์ที่บ้านตามเงื่อนไข จิรัชย์พูดจาแดกดันและพยายามชี้ให้เห็นว่าแขไขเหมาะสมกับเขามากกว่ารุจและถ้าเธอแต่งงานกับเขาเธอก็จะสุขสบายกว่าแต่งงานกับรุจที่เป็นแค่ลูกชาวนาจนแถมยังเรียนไม่จบเพราะชอบวาดรูป และอาชีพวาดรูปของรุจก็คงเลี้ยงตัวเองไม่รอด
"คุณกำลังดูถูกผม" รุจเจ็บไปถึงกระดูกดำ
"ผมกำลังพูดด้วยเหตุผล ผมให้ชีวิตที่ดีกว่ากับแขไข ในขณะที่คุณให้ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ผมจะแต่งงานกับแขไข ส่วนคุณถ้าเป็นลูกผู้ชายพอก็หลีกทางไปซะ" จิรัชย์ยื่นคำขาด แต่รุจไม่ยอมเขายืนยันว่า แขไขรักเขาไม่ใช่จิรัชย์
"เฮอะ ความรักหรือ ความรักไหนๆ ในโลกก็เหมือนกันทั้งนั้น ผมรักแขไขจริงๆ สิ่งที่ผมพลาดคือ ผมเจอแขไขช้ากว่าคุณ ลองให้เวลาผมสิ ให้เวลาเท่าๆ กัน ผมจะปรนเปรอเธอด้วยความรักของผม และในที่สุดเธอจะลืมคุณ"
"คุณดูถูกหัวใจคน คุณคิดว่าความรักตีราคาได้จริงๆ หรือ คุณรู้ได้ยังไงว่าแขไขจะลืมผมถ้าแต่งงานกับคุณ คุณรู้ได้ยังไงว่าผมจะลืมแขไข และทอดทิ้งความรักของเราง่ายๆ"
"ผมจะใช้ชีวิตทั้งชีวิตพิสูจน์ให้คุณดู บอกแล้วไง แค่ปีเดียว ปีเดียวเท่านั้น เธอจะลืมคุณ ส่วนคุณ ผมรู้นะว่าคุณกำลังลำบากเพราะหนี้สิน รับเงินนี่ไปซะแล้วไปจากเธอ" จิรัชย์โยนซองใส่เงินให้ รุจมองซองใส่เงินอย่างเจ็บปวดแล้วเอ่ยว่า
"คุณไม่รู้จักความรักเลย เงินนี่ เยอะนะ แต่ถ้าจะซื้อหัวใจคน มันยังถูกเกินไป" รุจโยนซองเงินคืนใส่หน้าจิรัชย์แล้วเดินออกไป จิรัชย์โกรธมากรีบตามไปกระชากไหล่รุจ
"นี่หมายความว่าไง จะไม่ยอมออกไปจากชีวิตแขไขใช่ไหม" รุจสะบัดตัวมองจิรัชย์อย่างเกลียดชัง
"คุณเป็นคนดีนะ แต่ใจร้าย คุณกำลังจะจับแขไขใส่ในกรงทอง คิดเองเออเองว่ามันดีสำหรับแขไข แต่คุณไม่เคยสนใจจิตใจของเธอ คุณคิดเองเออเองว่ามันคือความรัก รู้หรือเปล่า คุณกำลังเห็นแก่ตัว" รุจชี้หน้าด่า จิรัชย์ถลันเข้ามาดึงคอเสื้อรุจ
"ฮึ จิตรกรที่มีแต่ตัวอย่างแก เอาอะไรมาสอนหมออย่างฉัน แกต่างหากไม่ยอมรับความจริง แกต่างหากที่เห็นแก่ตัว การแต่งงานจะมีขึ้นสิ้นเดือนนี้ ไม่ว่าแกจะยอมหรือไม่ ฉันจะแต่งงานกับแขไข"
จิรัชย์ประกาศใส่หน้าแล้วสะบัดตัวรุจจนกลิ้งไปกับพื้น รุจอึ้งเมื่อรู้ความต้องการของจิรัชย์ ทั้งสองมองกันอย่างเกลียดชัง
คืนต่อมารุจตัดสินใจพาแขไขหนี แต่จิรัชย์และพ่อของแขไขตามไปทัน รุจกับแขไขได้รับบาดเจ็บเพราะรถมอเตอร์ไซของรุจถูกจิรัชย์ยิงล้อเสียหลักลงข้างทาง แขไขถูกพาตัวส่งโรงพยาบาล ในขณะที่รุจต้องกลายเป็นผู้ต้องหาลักพาตัวและถูกพามารักษาที่สถานีอนามัยที่จิรัชย์เป็นหมอประจำอยู่
"กว่าจะออกจากห้องขัง งานแต่งงานก็คงผ่านไปแล้ว คนต่ำต้อย ใช้วิธีต่ำๆ ผลก็เลยออกมาเป็นแบบนี้ ช่วยไม่ได้" จิรัชย์ยิ้มอย่างผู้ชนะแล้วมองที่แผลของรุจบอกต่อว่า
"ส่วนแผลนี่ ฉันเป็นหมอ ฉันจะรักษาให้ แต่เขาว่าความเจ็บเป็นบทเรียนสอนคน พยาบาล ไม่ต้องฉีดยาชา" จิรัชย์สั่งพยาบาล พยาบาลเดินเลี่ยงออกไป
"นี่แก แก" รุจดิ้นพราดเพราะรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตน
งานแต่งของจิรัชย์และแขไขผ่านพ้นไป แต่แขไขก็ยังคงร้องไห้ไม่เลิก เพราะคนที่เธอที่รักคือรุจไม่ใช่จิรัชย์ ส่วนรุจก็ต้องเผชิญชะตากรรมอยู่ในห้องขังอย่างเดียวดาย เขาได้แต่คร่ำครวญหาแขไขและตะโกนอาฆาตจิรัชย์
โตมรสะดุ้งตื่นขึ้นเหงื่อผุดเต็มหน้า เขารู้สึกกลัวและเจ็บปวดตามรุจไปด้วย แล้วก็ได้ยินเสียงอรอินทุ์ร้องขอความช่วยเหลือ เพราะกำลังจะโดนแสงเล่นงานด้วยการบังคับให้มีดพุ่งเข้าแทง โตมรรีบเข้าไปในห้องและทันช่วยชีวิตอรอินทุ์พอดี อรอินทุ์ตกตะลึงทรุดตัวลงนั่ง
"ตัวเล็กเป็นอะไรหรือเปล่า มองไปรอบๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้น มีดนั่น เป็นแบบนั้นได้ยังไง" โตมรงุนงง ในขณะที่แสงเสยะยิ้มพอใจที่ขู่ให้อรอินทุ์กลัวได้แล้วหายตัวไป
โตมรพาอรอินทุ์มานั่งหน้าบ้าน อรอินทุ์หันมาบอกกับโตมรว่า แสงโกรธมากขึ้นทุกวันและเธอเองก็คิดไม่ถึงว่าแสงจะดุร้ายถึงขนาดนี้ โตมรนึกเรื่องในฝันของตน และได้สัมผัสแสงหรือจิรัชย์มาด้วยตนเองแล้วจึงเปรยว่า
"เราก็ไม่เคยเจอเหมือนกัน มือที่รักษาคน กับมือที่ทำร้าย กลายเป็นมือของคนๆ เดียวกันได้ยังไง"
"นั่นน่ะสิ เวลาอ่อนโยนเขาอ่อนโยนมากเลยนะ แต่เวลาที่โมโห เฮ้อ เหมือนปีศาจร้าย เอ้ย นี่โตรู้จักคุณแสงด้วยหรือ" อรอินทุ์แปลกใจ
โตมรพยักหน้าแล้วเล่าว่า เขาฝันเห็นเรื่องราวของรุจกับอดีตชาติของคุณแสงหรือหมอจิรัชย์พร้อมเล่ารายละเอียดให้อรอินท์ฟัง
"เห็นภาพงานแต่งงานทั้งหมด รู้เรื่องทั้งหมดเลยหรือ ทำไมภาพอดีตพวกนี้ถึงไปอยู่ในฝันของโต ไม่อยู่ในฝันของเล็กล่ะ โตไม่ได้มีอะไรเชื่อมโยงกับคุณแขนี่ หรือเมื่อก่อนคุณแขเล่าให้ฟัง" อรอินทุ์ซักต่อ
"เรารักเคารพคุณแขมากนะ บ้านนี้ที่จริงเป็นของย่าแข เรามาอยู่บ้านนี้ได้เพราะย่าแขอนุญาต ท่านเป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ของเรา อาจเป็นเพราะเราห่วงท่านมาก ท่านก็เลยบันดาลให้เราฝันถึง" โตมรว่า อรอินทุ์พยักหน้ารับแล้วบ่นต่อ
"เฮ้อ งานนี้ติดแหง็กกลายเป็นมนุษย์แหงเลยยายอรอินทุ์เอ๊ย"
"ไม่รู้ทำไมนะตัวเล็ก เราเข้าใจความรู้สึกของรุจดีมากเลย" โตมรเปรยพลางครุ่นคิด

ปัณรสีมาขอกุญแจห้องปกป้องจากกัญญา เพราะจะเขาไปค้นโฉนดที่ดินที่จิรายุมอบให้ปกป้อง แต่กัญญญาบอกว่ากุญแจอยู่ที่โตมร ทำให้ปัณรสีไม่พอใจรีบออกไปเล่นงานปกป้อง แล้วสั่งให้เขาเปิดห้องปกป้องให้เธอเดี๋ยวนี้ แต่ปกป้องไม่ยอม คิดว่าไม่เหมาะสมจึงจะไปขอต้องขออนุญาตพัดชากับเอื้อเฟื้อในฐานะเจ้าของบ้านก่อน ปัณรสีโมโหเข้ามาแย่งกุญแจจากโตมรแล้วผลักชายหนุ่มล้มลงไป อรอินทุ์แอบมองเหตุการณ์อยู่ห่างๆ แล้วรีบวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากเอื้อเฟื้อที่ออกมาจากห้องพอดี
โตมรเข้ามาห้ามไม่ให้ปัณรสีเปิดห้องปกป้อง จึงจะโดนปัณรสีตบหน้าแต่เอื้อเฟื้อเข้ามาขวางไว้และเกิดการปะทะคารมกันขึ้นทำเรื่องบานปลาย เดือดร้อนถึงพัดชากับจิรายุต้องเข้ามาตัดสิน
"ปกป้องยังเก็บรักษาที่ดินนั้นไว้เป็นอย่างดี ไม่ได้เอาไปขายที่ไหน เขาเอาโฉนดที่ดินมาไว้กับผม เขาบอกว่า ที่ดินมันใหญ่พอที่จะสร้างบ้านอยู่ด้วยกันทั้งครอบครัว เขาบอกว่าบ้านหลังนี้เป็นสมบัติของย่าแข เขารู้ว่าผมไม่อยากอยู่ที่นี่"
จิรายุบอกกับทุกคนแล้วเหลือบมองพัดชา พัดชาหน้าตึงเพราะเรื่องที่จิรายุไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้เป็นปัญหามานานแล้ว เธอรีบตัดบทว่า
"คิดมากกันไปได้ แม่เคยบอกแล้วบ้านย่าแขก็เหมือนบ้านของเรา"
"ปกป้องอยากสร้างบ้านที่เป็นของเราเอง เพื่อให้ผมย้ายจากเชียงใหม่ลงมาอยู่กับเขาและเอื้อเฟื้อ" จิรายุพูดต่อ
เอื้อเฟื้อฟังแล้วก็น้ำตาคลอคิดถึงพี่ชายขึ้นมา แต่ปัณรสีทำเหมือนไม่เชื่อเพราะไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน พัดชาจึงรีบสรุป
"แม่ปัณ มีเรื่องอะไร ทำไมไม่ถามพ่อจิราเขาก่อน ใจร้อนไม่เข้าเรื่องน่ะเรา" อรอินทุ์แอบดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ และรับรู้เรื่องราวทั้งหมด
ปัณรสียังคงแค้นใจโตมรไม่หายจึงมาพาลหาเรื่อง และทำลายกระถางต้นไม้ที่โตมรกับอรอินทุ์ช่วยกันปลูก อรอินทุ์เข้าห้ามจึงถูกปัณรสีเล่นงานและต่อว่าอย่างรุนแรง
"ยายเด็กนี่ก็อีกคน ป่านนี้ยังไม่กลับบ้าน อาศัยในบ้านเขาไม่พอ ยังพาผู้หญิงมาสมสู่ในบ้านอีก ถ้าเป็นบ้านฉันหน่อยไม่ได้ ผู้หญิงพรรค์นี้ฉันไล่ออกไปนานแล้ว"
อรอินทุ์หน้าซีดเพราะไม่เคยรู้จักด้านมืดของโลกมนุษย์เต็มตาเหมือนครั้งนี้ เธอสัมผัสได้ถึงกระแสการดูถูกที่ออกมาจากปัณรสี
"เล็กไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียดแบบนั้น ทำไมว่าเล็กแบบนี้" อรอินทุ์เสียงสั่น
"ต๊าย ยังมีหน้ามาทำตาใส ผู้หญิงข้างถนนอย่างเธอ ฉันทำมากกว่านี้ยังได้" ปัณรสีเงื้อมือขึ้นจะตบอรอินทุ์ แต่โตมรจับไว้แล้วจ้องหน้าปัณรสีอย่างเอาเรื่อง
"คุณมีสิทธิ์ดุด่าว่ากล่าวผม เพราะผมติดหนี้ครอบครัวคุณ แต่กับผู้หญิงคนนี้คุณไม่มีสิทธิ์อย่ามายุ่งกับเขา จิตใจเขาบริสุทธิ์และสวยงามกว่ามนุษย์ทุกคนในโลกใบนี้ โดยเฉพาะมนุษย์อย่างคุณ" โตมรสะบัดมือ ปัณรสีเซไปแล้วกลบ่าวอาฆาต
"ไอ้โตมร คอยดูเถอะ ฉันจะเฉดหัวแกออกจากบ้านนี้สักวันหนึ่ง" ปัณรสีเดินจากไป
โตมรรีบเข้ามาหาอรอินทุ์ที่กำลังเสียขวัญ เขาถามเธอว่าตกใจมากไหม แต่อรอินทุ์กลับนั่งนิ่ง
ตอนเที่ยง โตมรเอาอาหารมาให้อรอินทุ์ทานเพราะหวังจะให้เธอกลับมาเป็นคนเดิม แต่อรอินทุ์ก็ยังคงนั่งนิ่งซึ่งผิดนิสัยประจำตัวมาก ทำให้โตมรยิ่งสงสาร เขาจึงปรับทุกข์กับเธอถึงเรื่องความโหดร้ายที่เกิดขึ้นบนโลกมนุษย์ เพราะอยากให้อรอินท์เข้าใจว่า โลกมนุษย์ไม่ได้มีแต่อาหารอร่อยและดอกไม้สวย แต่มีความเกลียดชัง ความโลภ และความเห็นแก่ตัวอยู่ด้วย
"เมื่อก่อนเป็นยมทูต เห็นก็จริง แต่ไม่รู้สึกเจ็บเท่าตอนที่เป็นมนุษย์ถูกมนุษย์ด้วยกันดูถูกเหยียดหยาม" อรอินทุ์ว่า
"หมอจิรัชย์เกลียดรุจเพราะรุจเป็นศิลปินยากจน เราก็เหมือนรุจ คำว่าเด็กบ้านนอก เด็กวัด เด็กกำพร้า เราฟังมาจนชิน ทุกคนมองเราเหมือนที่น้าปัณมอง" โตมรรำพึง
"โตเจอจนชินงั้นหรือ น่าสงสาร มิน่า ถึงชอบวาดรูปอาวุธ โลกของโตไม่เคยสวยเลยใช่ไหม" อรอินทุ์เห็นแววตาที่ปวดร้าวของโตมร
โตมรยิ้มเศร้าๆ แล้วเดินจากไป อรอินท์ตามไปขอบคุณโตมรช่วยปกป้องเธอ แต่โตมรก็ยังคงนิ่ง อรอินทุ์จึงหาทางให้โตมรยิ้มด้วยแกล้งเอาสีมามาป้ายหน้า โตมรจับมืออรอินทุ์ไว้แล้วเอาสีป้ายกลับเพื่อเอาคืน ทั้งสองไล่ล่าจะทาสีที่หน้ากันวุ่นวายอยู่ เริ่มมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ แล้วโตมรก็เผลอเหยียบผ้าลื่นล้มทับอรอินทุ์ หน้าของทั้งคู่แนบหน้าชิดกัน ทั้งสองมองกันนิ่ง อรอินทุ์ไม่เข้าใจความรู้สึกเคลิบเคลิ้มของโตมรที่หลงใหลความงามของเธอ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ใกล้กันอย่างนี้จึงร้องถามว่ามีอะไร
"ยมทูตนี่สวยเหมือนแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า" โตมรว่า
แต่อรอินทุ์ไม่เขินเพราะไม่รู้จักอารมณ์ที่เกิดขึ้นดีนัก จึงได้แต่สงสัยปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในใจของตน เธอถามโตมรต่อว่า
"แปลกจัง ใกล้ชิดกันแบบนี้ อืม ไอ้ความรู้สึกแบบนี้เรียกว่าอะไรหรือมันคล้ายไฟช็อตหน่อยๆ หน้าก็ร้อนๆ ใจเต้นด้วยน่ะ" โตมรได้ฟังก็รู้สึกตัวรีบลุกขึ้น
อรอินทุ์ลุกตามแต่ยังสงสัยไม่หายสงสัย เธอจับหน้าตัวเองแล้วเลยไปจับหน้าโตมรด้วย
"นี่ไง หน้าโตก็ร้อนนะ ร้อนเหมือนกันเลย" โตมรเก้อเขินอ้างว่ามีงานต้องทำแล้วเดินหนี
อรอินทุ์มองตามแล้วแต่ก็ยังสงสัยอาการแปลกๆ ของตัวเองไม่หาย
"ใจยังเต้นอยู่เลย เป็นอะไร" อรอินทุ์จับที่หัวใจตัวเอง
โตมรซ่อมภาพวาดของรุจที่ถูกแสงทำลายเสร็จ ก็ชวนอรอินทุ์ที่กำลังเพลิดกับการจดจำและทดลองชิมดอกไม้ผลไม้หลากหลายชนิดไปเยี่ยมแขไขที่โรงพยาบาลด้วยกัน เพราะคิดว่าถ้าแขไขได้เห็นภาพรุจอาจจะมีอาการดีขึ้น ส่วนแสงที่ยังคงเฝ้าดูแขไขอยู่ไม่ห่างเห็นโตมรนำภาพรุจมาให้แขไขดูก็ยิ่งแค้น แล้วแสงก็ได้ยินโตมรบอกกับอรอินทุ์ว่าจิรัชย์หรือนายแสงของอรอินทุ์เชื่อมั่นในตนเองมาก เพราะเขาเคยบอกกับรุจว่า ความรักเป็นเรื่องไร้สาระ ขอให้เขาได้อยู่กับย่าแขสักปีหนึ่งเขาจะทำให้ย่าแขลืมรุจได้ แต่ตลอดสามสิบปีที่อยู่ด้วยกัน ย่าแขไม่เคยลืมรุจเลย
"30ปีแห่งการละทิ้งทุกอย่าง เพื่อความรัก" แสงรำพึงแล้วนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต เพราะเขาดูแลและเอาใจใส่แขไขอย่างดีเพราะหวังให้เธอลืมรุจ แต่แขไขกลับไปเก็บตัวอยู่ในเรือนท้ายสวนแล้วแอบวาดรูปรุจ จิรัชย์ตามไปพบเข้าก็โกรธมาจึงทำลายรูปทิ้ง
"ย่าแขวาดรูปของรุจเป็นร้อยๆ ภาพ ย่าแขไม่เคยลืมรุจ หมอใหญ่คงเสียใจมาก" โตมรหันมาคุยกับอรอินทุ์
อรอินทุ์ออกความเห็นว่า คงเป็นครั้งแรกที่คนเก่งอย่าหมอจิรัชย์ต้องพ่ายแพ้ แสงได้ฟังก็น้ำตาคลอเพราะทั้งคู่พูดถูก
"หมอใหญ่ช่วยคนให้มีชีวิตรอดได้ เขานึกว่าเขาทำทุกอย่างได้ในโลกนี้ แต่เขาทำให้ย่าแขลืมรุจไม่ได้" โตมรพูดต่อ
"ความรู้สึกรัก มันเป็นยังไงหนอ ทำไมเข้าใจยากอย่างนี้" อรอินทุ์ถอนใจ
โตมรถือรูปของรุจเข้ามาใกล้แขไขแล้วบอกว่า "ย่าแข ผมเอารูปของรุจมาให้ย่าแข ย่าแขจำรูปนี้ได้ใช่ไหม"
อรอินทุ์เห็นนิ้วของแขไขขยับก็ดีใจรีบร้องบอกโตมร โตมรเอารูปเข้าไปชิดนิ้วย่าแข แต่เธอไม่อาจจับรูปได้จึงร้องไห้ออกมา แสงเห็นแขไขร้องไห้ก็ยิ่งเจ็บช้ำจึงเมินหน้าหนี แล้วโตมรก็ประกาศตัวว่า เขากับอรอินทุ์จะช่วยกันตามหาคนชื่อรุจมาให้แขไขให้ได้ อรอินทุ์ยืนตะลึงถามโตมาว่าแน่ใจหรือ
"เราเข้าใจความเจ็บปวดของรุจ และอยากทดแทนบุญคุณย่าแขตัวเล็กอย่าลังเลเลยนะ ช่วยกันออกตามหารุจมาให้ย่าแขเถอะ อย่างที่ตัวเล็กบอกนั่นล่ะ ย่าแขกำลังรอรุจ ถ้าย่าแขได้พบรุจ ย่าแขอาจจะหายป่วย"
"โตรู้ใช่ไหม กำลังรับมือกับอะไร" อรอินท์พูดจบไฟในห้องก็ติดๆ ดับๆ แสง แสงเพ่งมองมาที่ทั้งสองด้วยความโกรธ อรอินทุ์กระซิบบอกโตมรว่า แสงอยู่ในห้องนี้ แสงมองภาพตรงหน้า เห็นแขไขกับภาพของรุจ และชายหนุ่มหญิงสาวที่ประกาศความเป็นศัตรูกับตน ก็หัวเราะ
"ฮะฮะฮ่า ใช่ฉันอยู่ ฉันกำลังหัวเราะเยาะไอ้มนุษย์ตัวน้อยโง่เง่าอย่างแกสองคน พวกแกมันรนหาที่ แกกล้าสู้กับฉันงั้นหรือ มนุษย์ตัวเล็กอย่างแกเนี่ยนะ ฮะฮะฮ่า"
"ย่าแข ถ้าดวงจิตของย่าแขให้พลังงานตัวเล็กจนกลายเป็นคนขึ้นมาได้ ขอให้ย่าแขช่วยคุ้มครองเราสองคนด้วยนะครับ" โตมรบอกกับแขไข
"คุ้มครอง ฮะฮะฮ่า แม้แต่ตัวแขไขเอง เขาจะตายด้วยมือฉันเมื่อไหร่ก็ได้ นับประสาอะไรกับแกสองคน ฮะฮะฮ่า"
แสงหัวเราะอย่างขมขื่นขม ไฟในห้องกะพริบติดๆ ดับๆ อีกครั้ง เครื่องต่างๆ รอบตัวของแขไขสั่นร้องปี๊ดป๊าด ไร้เหตุผล โตมรกับอรอินทุ์กลัวมากแต่ใจยังสู้แล้วโตมรจับมืออรอินทุ์ไว้แล้วประกาศเสียงกร้าว
"ขอให้การค้นหารุจครั้งนี้ปลอดภัย ขอให้ความเห็นแก่ตัวจงแพ้พ่าย ขอให้ความรักจงชนะความแค้น"
"ความรักหรือฮะฮะฮ่า ความรักจะชนะความแค้นได้ยังไง ในเมื่อความรักคือจุดเริ่มต้นของความแค้น ได้เรามาทำสงครามกัน พวกแกกับฉัน สงครามระหว่างความรักและความแค้น แล้วมาดูกัน.ว่าใครจะชนะ ฮะฮะฮ่า" แสงไม่สะทกสะท้าน
โตมรและอรอินทุ์ยืนกลางห้องจับมือกันไว้แม้หวาดหวั่นแต่ไม่ยอมแพ้ ส่วนแขไขก็น้ำตาไหลราวกับรับรู้ได้ว่ามีคนมาช่วยเหลือแล้ว
หลังงานจากศพของปกป้องผ่านพ้นไปแล้ว โตมรกับอรอินทุ์ก็เข้ามาหาพัดชาและถามเรื่องคนชื่อรุจ แต่พัดชาปฏิเสธว่าไม่รู้จัก เพราะไม่อยากให้เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นมาอีก ทำให้โตมรกับอรอินทุ์ต้องจ๋อยกลับไปและเดาเอาเองว่า แขไขกับรุจอาจจะแอบรักกันโดยไม่มีใครรู้ ส่วนทางด้านพัดชาเมื่อได้ยินชื่อรุจ เธอก็รีบกลับเข้าห้องแล้วหยิบสมุดภาพออกมาดู
"ทำไมฉันจะไม่รู้จักรุจ" พัดชาเปิดภาพรุจที่ถ่ายรวมกับแขไขและตัวเธอดูแล้วหวนนึกถึงความหลัง เมื่อครั้งที่ไปเลือกซื้อผ้าแขไขที่ในตลาด และได้รับรู้แขไขแอบนัดให้รุจซึ่งเป็นคนรักมาพบและชวนเธอเข้าไปถ่ายรูปในร้านเปิดใหม่ด้วยกัน พัดชามองรูปถ่ายด้วยความหนักใจแล้วออกไปหาแขไขที่โรงพยาบาล เธอถามพี่สาวว่า
"ชื่อของรุจ หายไปจากครอบครัวเราหลายสิบปีแล้ว จู่ๆ คนชื่อนี้กลับมาได้ยังไง พี่แขมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือเปล่าคะ"
พัดชามองหน้าแขไขแล้วก็อดนึกถึงเรื่องราวในอดีตไม่ได้เพราะเธอแอบรักจิรัชย์ แต่จิรัชย์รักแขไข เธอจึงต้องตัดใจหลีกทางให้พี่สาว และพยายามหาทางช่วยเหลือให้จิรัชย์ชายที่เธอรักสมหวัง จึงเป็นเหตุให้เธอไม่ชอบหน้ารุจนัก และเมื่อครั้งที่แขไขหนีตามรุจและได้รับบาดเจ็บ พัดชาก็เข้ามาต่อว่าพี่สาวเพราะทนเห็นจิรัชย์เจ็บปวดไม่ได้ แต่แขไขไม่เคยรับรู้เรื่องนี้จึงเข้าใจว่าพัดชาโกรธแทนพ่อที่ต้องเสียชื่อ
"ทุกครั้งที่ชื่อของรุจโผล่มา ความวุ่นวายไม่เคยจบสิ้น พัดยอมให้มันเกิดขึ้นไม่ได้"
พัดชาโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ เธอหยิบรูปที่ถ่ายสามคนที่ติดมาด้วยจากกระเป๋าแล้วฉีกทิ้งด้วยแววตาร้ายกาจ ในขณะที่แขไขก็พยายามขยับมือ เหมือนจะอยากจะบอกกับพัดชาแต่ทำไม่ได้
โตมรกับอรอินทุ์ยังคงเดินหน้าหาข้อมูลเรื่องรุจต่อไป แต่ค้นจนทั่วเรือนท้ายสวนแล้วก็ยังไม่พบอะไร โตมรจึงชวนอรอินทุ์ขึ้นไปค้นที่ห้องของแขไขบนเรือนใหญ่ เพราะวันนี้ปลอดคนเนื่องจาก จิรายุกับปัณรสีมารับพัดชาไปพบแพทย์ตามนัด ส่วนกัญญาก็ออกไปจ่ายตลาด แต่โชคไม่ช่วย เพราะพัดชาลืมยาไว้จึงสั่งให้จิรายุขับรถกลับบ้าน ปัณรสีเห็นโตมรกับอรอินทุ์กำลังรื้อค้นห้องแขไขก็ร้องโวยวายแล้วกล่าวหาว่าทั้งคู่เป็นขโมย
เอื้อเฟื้อรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นก็รีบกลับมาช่วยโตมร เพราะไม่เชื่อคำพูดของปัณรสี และเป็นเหตุให้เอื้อเฟื้อมีปากเสียงกับปัณรสี โตมรเห็นว่าเรื่องราวชักไปกันใหญ่จึงสารภาพว่า
"ผมต้องการค้นของบางอย่างไปช่วยย่าแขครับ เพราะย่าแขพยายามสื่อสารกับเรา ท่านอยากพบเพื่อนเก่าที่ชื่อรุจ ผมก็เลยอยากได้ที่อยู่ของรุจ เพื่อไปตามให้คุณรุจมาพบย่าแข"
โตมรรีบพูดเพราะกลัวอรอินทุ์จะแทรกขึ้นมา พัดชาได้ฟังก็ตกใจ แต่ปัณรสียังไม่ยอมเชื่อจึงโวยวายอีกรอบ แต่ก็โดนเอื้อเฟื้อสวนกลับ จิรายุจึงรีบสรุปว่า
"เอาอย่างนี้ เพื่อพิสูจน์ว่าสองคนนี้ขโมยของหรือเปล่าเราขึ้นไปบนห้องย่าแข และห้องปกป้อง ให้ทุกคนในบ้านช่วยกันดูว่ามีของหายหรือเปล่า" ทุกคนยอมทำตาม
ในที่สุดโตมรกับอรอินทุ์ก็พ้นข้อกล่าวหา แต่ปัณรสีไม่ยอมเลิกราเธอยุให้พัดชาไล่โตมรออกจากบ้าน พัดชานึกระอาจึงตัดบทว่า คนที่รับโตมรเข้ามาคือแขไข ดังนั้นคงมีแต่แขไขเท่านั้นที่ไล่โตมรได้ ทำให้ปัณรสีต้องผิดหวัง
"เรื่องที่นายโตพูดว่า ย่าแขจะหาย ถ้าได้เจอคนชื่อรุจ" จิรายุยังคาใจ แต่พัดชารีบสรุปว่า
"เหลวไหล ถ้าคนชื่อรุจสำคัญขนาดนั้น ฉันเป็นน้องสาว ทำไมไม่รู้จักล่ะโต ตัวเล็ก งานนี้ย่าว่าเราสองคนก็ผิดนะ คิดจะทำอะไรทำไมไม่บอกผู้ใหญ่ก่อน" พัดชาหันมาตำหนิ
โตมรรีบยกมือไหว้ขอโทษ พัดชาจึงสั่งต่อว่า "ต่อไปนี้เลิกพูดเรื่องคนชื่อรุจในบ้านหลังนี้อีก ในเมื่อย่าบอกว่าไม่มี คือไม่มี เข้าใจไหม" โตมรกับอรอินทุ์รับคำแต่อดแปลกใจไม่ได้
เอื้อเฟื้อยังข้องใจเรื่องที่โตมรบอกกับพัดชาจึงตามมาถาม โตมรอ้างว่า อรอินทุ์มีสัมผัสพิเศษบางอย่างจึงอยากทดลองดูเพื่อแขไขจะฟื้น เอื้อเฟื้อเห็นความตั้งใจจริงของโตมรกับอรอินทุ์ก็รีบเตือนเรื่องให้ระวังตัว เพราะปัณรสีจ้องจะเล่นงานอยู่ แล้วกัญญาก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาตามทุกคนบอกว่าที่เรือนใหญ่เกิดเรื่อง เพราะรวีพ่อของรวิชามาบอกจิรายุว่ารวิชาตั้งท้องลูกของปกป้อง แต่ปัณรสีไม่ยอมรับแถมยังโวยใส่รวี
เอื้อเฟื้อรีบเดินนำโตมรกับอรอินทุ์ไปที่เรือนใหญ่ และทันได้ยินปัณรสีพูดจาดูถูกรวีและรวิชา เพราะกลัวสองพ่อลูกจะมาแบ่งมรดกส่วนที่เป็นของปกป้อง รวีโกรธมากจึงโต้กลับปัณรสีว่า เขานึกแล้วว่า ปัณรสีต้องพูดแบบนี้ จึงสองจิตสองใจอยู่นานว่าควรมาบอกทุกคนไหมว่า รวิชาตั้งท้อง
"คุณต้องเห็นใจเรานะคะ ไม่มีใครในบ้านนี้รู้จักรวิชาสักคน ที่สำคัญ ปกป้องไม่เคยบอกใครว่ามีแฟน" ปัณรสีอ้าง
"แต่พี่ป้องเคยบอกเล็กค่ะ" อรอินทุ์โพล่งออกมา
โตมรรีบดึงไว้พลางดุให้อยู่เงียบๆ อรอินทุ์จ๋อย เอื้อเฟื้อเดินเข้าไปไหว้รวีพร้อมช่วยยืนยันว่า
"เอื้อกับโตรู้จักพี่รวิชาค่ะ เราเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันทั้งหมดและเคยเรียนคุณพ่อไปแล้ว ว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักกัน"
"แล้วไง เป็นคู่รัก แต่ปกป้องไม่เคยพาเข้าบ้าน เราจะรู้ได้ยังไงว่าเด็กในท้องนั่นเป็นลูกของปกป้อง รู้ได้ยังไงว่าแม่หนูคนนี้ไม่ได้คิดจะแบล๊กเมล์ครอบครัวเรา" ปัณรสีไม่รับฟัง
รวีสุดทนจึงลุกขึ้นโวยวาย "คุณพูดจาดูถูกผม คนอย่างผมทำไมต้องแบล๊กเมล์พวกคุณ"
จิรายุรีบไกล่เกลี่ยแล้วขอโทษแทนปัณรสีแต่รวีไม่สนเขาประกาศว่า "ผมมาบอกคุณเพราะเห็นแก่เด็กในท้อง ผมอยากให้เขามีพ่อ อย่างน้อยก็รู้ว่าพ่อของเขาเป็นใคร ในเมื่อพวกคุณคิดอย่างนี้ ลูกผม หลานผม ผมเลี้ยงเองได้ คิดๆ ไป ถือเป็นโชคดี ที่ปกป้องตายไปเสียก่อน ลูกสาวผมเขาจะได้ไม่ต้องเข้ามาอยู่ในครอบครัวแบบนี้ ฮึ"
รวีเดินออกไป เอื้อเฟื้อ โตมรและอรอินทุ์รีบลุกตาม จิรายุหันมาตำหนิปัณรสีที่ทำเรื่องยุ่ง แต่ปัณรสีไม่สนเธออ้างว่าเป็นการปกป้องผลประโยชน์ต่างหาก
เอื้อเฟื้อเข้าไปกราบขอโทษรวี รวีได้แต่ส่ายหน้าแล้วรำพึงว่า "รวิชาโชคร้ายเอง เขาเพิ่งรู้ว่าท้อง ตอนที่ทั้งสองคนไปเที่ยวที่บ้านอา ปกป้องเขากราบขอขมาอา และบอกว่าจะพารวิชามาหาพ่อแม่หนู จะจัดงานแต่งงานให้เร็วที่สุด แต่ระหว่างทางก็เกิดเรื่องขึ้นซะก่อน"
"พี่ป้องพูดแบบนั้นจริงๆ ค่ะ เล็กยืนยันได้" อรอินท์ช่วยยืนยันแต่ก็โดนโตมรดุอีกตามเคย แล้วโตมรก็ช่วยเอื้อเฟื้อพูดกับรวีว่า จะหาหลักฐานมายืนยันกับทุกคนว่ารวิชาท้องกับปกป้องทำให้รวีค่อยสบายใจขึ้น
เอื้อเฟื้อพาโตมรกับอรอินทุ์เข้ามาค้นห้องปกป้อง แล้วสั่งให้ทั้งคู่ช่วยกันหาหลักฐานที่จะทำให้ทุกคนเชื่อว่าปกป้องเป็นแฟนกับรวิชา ส่วนตัวเธอเข้าไปเปิดเครื่องฯเพื่อเช็คในคอมพิวเตอร์ เพราะปกป้องเขียนจดหมายมาหาทางอีเมล์อยู่บ่อย แล้วเอื้อเฟื้อก็บังเอิญไปพบข้อความที่ปกป้องเขียนบอกไว้ว่า มีเรื่องรุจจะคุยด้วย แต่เธอไม่เข้าใจจึงอ่านเสียงดัง อรอินทุ์กับโตมรได้ยินชื่อรุจก็ถึงกับตาโตถามพร้อมกันว่า
"พี่ป้องพูดถึงคนชื่อรุจในจดหมายหรือ แล้วคนชื่อรุจเกี่ยวข้องกับพี่ป้องด้วยหรือเปล่า แล้วเกี่ยวกันได้ยังไง หรือว่าพี่ป้องไปเจอคนชื่อรุจมาแล้ว"

-
โปรดติดตามตอนต่อไป
ที่มา : http://www.oknation.net/blog/lakorn/

ไม่มีความคิดเห็น: